โอม อมฤต เข้าเวรคอลัมน์ ยำตำรวจ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค.2563
โค้งสุดท้ายในตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่เกษียณอายุราชการในปีนี้ โผทุกโผพุ่งตรงไปที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.นรต.36 เดอะปั๊ด เพื่อนรัก บิ๊กแป๊ะ จะไปเกษียณราชการในปี 2565 อีก 2 ปีข้างหน้าสวยที่สุด
แต่ก่อนหน้ามี พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.นรต.38 อีกคนมาแรงจัดเป็นคู่เบียดชิงตำแหน่งด้วยแรงหนุนจากผู้ใหญ่หลายคนแต่เจ้าตัวเกษียณปี 2564 เป็นได้ก็เพียงปีเดียว นอกจากนั้นยังมี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.นรต.36 บุตรชายของ พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อดีต อ.ตร.ชื่อชั้นไม่เป็นสองรองใครและไปเกษียณปี 2565 ก็มีสิทธิ์เบียดเป็น ผบ.ตร.ด้วยเช่นกัน แต่กระแสแรงก็ต้องยกให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่ ผบ.ตร.แป๊ะชงมาตั้งแต่แรกนั่นเอง
...
ด้วยเพราะระเบียบข้าราชการตำรวจระบุชัดเจน ผู้จะขึ้นสู่ตำแหน่ง ผบ.ตร.ต้องเป็นนายตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.ตำแหน่งหลักและจเรตำรวจแห่งชาติเท่านั้น โดยคนกำชื่อหรือเสนอชื่อเข้าสู่ คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานก็คือตัว ผบ.ตร. ดังนั้นเมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์กำชื่อใครเข้าที่ประชุมน่าจะผ่านได้อย่างสบายไม่น่ามีใครคัดค้าน
แต่ยุทธจักรสีกากีย่อมไม่ธรรมดามาแต่ไหนแต่ไร ถ้ายังไม่ถึงวันประชุมตัดสินอะไรก็เกิดขึ้นได้ จึงต้องรอลุ้นกันตัวโก่งอีกครั้งในปีนี้ เพราะตำแหน่งนี้ไม่ใช่จะได้มาอย่างง่าย นอกจากชื่อชั้นฝีมือการทำงานอาวุโสแล้วยังต้องมีวาสนาประกอบด้วยครับผม
คดี บอส อยู่วิทยา ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แต่ โอม อมฤต ว่า คณะกรรมการอัยการ ที่ตั้งขึ้นมาพิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องชอบหรือไม่คณะนี้ออกมาหนักแน่นคลี่คลายได้อย่างดีถูกต้องชอบธรรม ยืนยันคดียังไม่ถึงที่สุดและยืนยันพยานหลักฐานประเด็นความเร็วของรถและสารเสพติดโคเคนเป็นพยานหลักฐานใหม่
ทำเรื่องเสนออัยการสูงสุดส่งเรื่องให้ตำรวจดำเนินคดีนายบอสทั้งสองข้อหา อันจะนำไปสู่คดีใหญ่ที่สั่งไม่ฟ้องไปแล้วก็เหมือนรื้อคดีใหม่นั่นเอง
ข้อบกพร่องของกระบวนการยุติธรรมที่ปรากฏคณะกรรมการใหญ่ที่มี ท่านตุลาการ วิชา มหาคุณ เป็นประธานก็คงได้เห็น ช่องโหว่ ของกฎหมายและตัวบุคคลชัดเจนขึ้น พร้อมหาทางแก้ไขกฎหมายให้การสั่งคดี สำนวนคดีเป็นไปด้วยความถูกต้องชอบธรรมและยุติธรรมที่สุด
ถึงเวลาต้องมี บ่อน ถูกต้องตามกฎหมายหรือยัง โลกยุคใหม่ไปไกลเกินกว่าผู้เฒ่าทั้งหลายคาดคิด ปากว่าตาขยิบกันอยู่เช่นนี้ ธุรกิจบ่อนการพนันจึงเฟื่องฟูอยู่เหนือกฎหมายอยู่เหนือผู้ถือกฎหมาย เหตุยิงกัน 4 ศพบ่อนเฮียตี้พระราม 3 เป็นตัวอย่างอันดีที่ผู้มีอำนาจต้องเอามาพิจารณากันอย่างจริงจัง
น่าเห็นใจ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. รับศึกหนัก แค่ลูกน้องปล่อยปละให้เปิดบ่อนพนันยุคนี้ก็ว่าแย่อยู่แล้ว นี่ดันยิงกันตายไปตั้ง 4 ศพ แถมตำรวจระดับสารวัตรนครบาลก็ตายไปด้วย ถูกโขกซ้ำด้วยภาพและคลิปในบ่อนยืนยันเป็นบ่อนพนัน ไม่กุมขมับตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
...
ใครผิดก็ว่ากันไปตามผิด คำสั่งเด้ง ผู้การ 5 พร้อม 5 เสือโรงพักทุ่งมหาเมฆเจ้าของพื้นที่จึงออกมาอย่างที่เห็น และเมื่อตั้งสติแล้วเตรียมคลี่คลายคดีไล่ตามจับเจ้าของบ่อน มือปืนคุมบ่อน คลี่คลายดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว พร้อมลงแส้ลูกน้องที่ปล่อยปละรู้เห็นมีผลประโยชน์ กู้ชื่อนครบาลกลับมาให้ได้ครับ
ไม่เขียนถึงไม่ได้ “บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.ไปด้วยตัวเองจับเอเย่นต์สาวไทยปลอมเอกสารรับต่อวีซ่ามีแฟนหนุ่มเป็นต่างชาติที่บ้านย่านบางชัน ถึงผงะแฟนต่างชาติสาวไทยปลูกต้นกัญชาออร์แกนิกกว่า 60 ต้นไว้ในบ้าน มีกัญชาแห้งอีก 7 ห่อ ทำมาค้าขายผิดกฎหมายเป็นล่ำเป็นสัน จึงจับทั้งสองคนหลายข้อหา ผบช.สตม.ขยันขันแข็งเช่นนี้อยู่นานๆหน่อยครับ.
โอม อมฤต