“สถานการณ์ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รัฐบาลและหน่วยงานเกี่ยวข้องระดมความพยายามทุกด้านนำพาประเทศ ไทยให้ผ่านพ้นวิกฤติไวรัสโควิด–19 ให้ได้ โดยเน้นความเป็นเอกภาพและบูรณาการของทุกหน่วย มีแผนงาน โครงการและมาตรการต่างๆรองรับ มีงบประมาณรายจ่ายประจำปี และงบกลางภายใต้การขับเคลื่อนและกำกับดูแลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่าน”
“แต่ยังคงมีบุคคล และกลุ่มคนบางจำพวกที่บิดเบือนข้อมูลอันเป็นเท็จและไม่สร้างสรรค์ ถือโอกาสสร้างความขัดแย้ง ส่งต่อข้อมูลเท็จ กล่าวโทษกันไปมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติถือเป็นเรื่องสำคัญ ให้ตำรวจทุกหน่วยบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินและการกระทำความผิดอื่นอันเป็นการซ้ำเติมประชาชน รวมทั้งความผิดเกี่ยวกับ Fake News อย่างจริงจังและต่อเนื่อง ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กำชับตำรวจเป็นหน้าที่ร่วมมือกันให้ผ่านวิกฤติให้ได้
ผบ.ตร.มาย้ำเตือนสติของพี่น้องคนไทย กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงวิกฤติไวรัสโควิด-19

...
สถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ทำงานหนัก ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพียงแค่ให้คนไทยปลอดจากเชื้อไวรัส สกัดกั้นการแพร่ระบาด ยอมเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง แต่ยังมีพวก “นักเลงคีย์บอร์ด” โจมตี บิดเบือนข้อเท็จจริง ใส่สีตีไข่ เติมข้อมูลให้น่าเชื่อถือ นำไปโพสต์แชร์ในโลกโซเชียล
ไม่สนใจทำให้คนตื่นตระหนกตกใจกับข้อมูลข่าวที่บิดเบือน ผิดความจริง ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงของประเทศไทย ไม่ใช่เวลาที่จะปล่อยข่าวสร้างความเสียหาย ทำให้สับสนและทำลายขวัญเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในพื้นที่
แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ที่เข้ามาช่วยเหลือรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ร่วมกันตั้งด่านเคอร์ฟิวตามคำสั่งของรัฐบาล สกัดกั้น คัดกรอง ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส เป็นบุคคลที่สมควรได้รับการยกย่องในความเสียสละ และเสี่ยงติดเชื้อไวรัส
ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่านแรกที่เจอปัญหาคัดกรองคนมาโดยตลอด ความวุ่นวายคนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศไม่ยอมกักตัวตามการแจ้งเตือนของรัฐบาล มีคนโพสต์โจมตีด่าตำรวจ ตม.เสียหาย ทั้งที่ทำตามหน้าที่ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาทำงาน ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา
ผบช.สตม.สั่ง “ขันนอต” ยกระดับให้คนไทยและชาวต่างชาติที่เข้าประเทศ ต้องกักตัว 14 วัน แม้จะผ่านการรับรองจากสถานทูต มีใบรับรองสุขภาพประเทศต้นทางและผ่านการวัดอุณหภูมิด่านควบคุมโรคมาแล้ว เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขพบการติดเชื้อจากคนที่กลับจากต่างประเทศมีตัวเลขสูง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยาลดไข้เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจอุณหภูมิ หรืออยู่ในภาวะพาหะนำเชื้อ โดยไม่มีอาการแสดงออกมา
เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายระดมกำลัง หาทางหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสที่กระจายไปรวดเร็ว หลายประเทศอยู่ในสภาพบอบช้ำกับภัยของเชื้อไวรัสทำลายชีวิตผู้คน และทำลายเศรษฐกิจโดยรวมของทั่วโลก

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเป็นปัญหาใหญ่ ประเทศไทยที่อยู่ในสภาพบีบคั้นกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศ “เคอร์ฟิว” ในหลายพื้นที่เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่คนไทยน้อยที่สุด ในภาวะที่เศรษฐกิจทรุดหนัก
แต่ไม่น่าเชื่อว่า นอกจากเชื้อร้ายไวรัสโควิด-19 คนไทยต้องเจอปัญหาใหญ่ที่คนบางจำพวกจงใจบิดเบือนข้อมูลในสื่อออนไลน์ สร้างความเสียหาย ทำลายขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ทุกคนยอมทุ่มเท เสี่ยงชีวิตทำหน้าที่ เพื่อไม่ให้แพร่กระจายสร้างความสูญเสียแก่ประเทศไทยไปมากกว่านี้
โซเชียลออนไลน์ที่ถูกบิดเบือนยังเป็นภัยร้ายแรงสำหรับคนไทย
การขาดวินัย ไม่รับผิดชอบในคนไทยบางส่วนทำให้ยากแก้ปัญหาทุกเรื่อง
รัฐบาลขอให้กักตัวเอง กลุ่มเสี่ยง ผู้เดินทางจากประเทศเสี่ยง แต่ไม่ฟัง ไม่เพียงแค่ปัญหาตัวเอง แต่เป็นผลกระทบใหญ่ต่อคนไทยทั่วประเทศ รัฐบาลประกาศ พ.ร.ก. ยกระดับใช้ “เคอร์ฟิว” จำกัดพื้นที่แพร่ระบาดสถานการณ์พิเศษ แต่ไม่ได้ทำให้
...
คนไทยบางส่วนกลัวเกรงกฎหมาย และมี “จิตสำนึก” เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวม

จะโทษประชาชนฝ่ายเดียวคงไม่ได้ สภาวะเปราะบางของเมืองไทย คนเรียกร้องหา “สิทธิ” มองข้าม “หน้าที่” ความไม่ชัดเจนของรัฐบาล ข้อกฎหมาย ตั้งแต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส คนไม่กักตัว สู่ขั้น “ล็อกดาวน์กรุงเทพฯ” แทนที่คนจะอยู่บ้าน คนต่างจังหวัดต่างแห่กลับบ้าน จนตัวเลขคนติดเชื้อพุ่งพรวดเกือบทุกจังหวัด
ปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัย กักตุนสินค้า เป็นเรื่องที่ยังแก้ไม่ได้ แพทย์ พยาบาล ต้องช่วยตัวเอง ขอรับบริจาค ทั้งที่เป็นหน้าที่รัฐบาล ใครเป็น “เหลือบ” อยู่ตรงไหน ต้องรีบจัดการให้สิ้นไป
มาตรการเยียวยาต่างๆของรัฐบาลที่ยังไม่ชัดเจน การทุ่มงบประมาณช่วยเหลือคนตกงาน เป็นเรื่องยากของคนแก่คนยากจนเข้าถึงข้อมูลของรัฐบาล สุดท้าย “ตกสำรวจ” ที่น่าเจ็บปวดเงินชดเชยของรัฐบาล ไม่ได้ตกอยู่ในมือของคนที่ได้รับความเดือดร้อนจริง กลายมาเป็นปัญหาความขัดแย้งของคนไทยด้วยกัน
คำสั่งห้ามเดินทางบางจังหวัดปิด บางจังหวัดเปิด คนสับสน สิ่งเหล่านี้รัฐบาลต้องยอมรับว่า คิดช้า คิดไม่เป็นระบบ ต่างคิดต่างทำ ความไม่ชัดเจนของรัฐบาล ขาดวินัยคนไทยบางกลุ่ม ทำให้ยากควบคุมโรคติดต่อ
...
คนที่เหนื่อยหนีไม่พ้น แพทย์ พยาบาล ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองร่วมกันแก้ไขปัญหา

ตำรวจที่อยู่ภายใต้ความเสี่ยง กวดขันจับกุมคนที่ไม่มีวินัย ไม่รับผิดชอบ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเคอร์ฟิว ห้ามออกจากบ้านโดยไม่มีเหตุผล กลุ่มที่คอยฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชนในช่วงที่ชาวบ้านเดือดร้อน ซึ่ง ผบ.ตร.เป็นห่วงกังวลในเรื่องความปลอดภัย
ตำรวจทำงานหนักขึ้น อยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชน เป็นหลักในสถานการณ์ยามนี้
พล.ต.อ.จักรทิพย์ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ออกตรวจด่าน “เคอร์ฟิว” พื้นที่รอบกรุงเทพฯ และพื้นที่ต่างจังหวัด ไม่ให้มีการฝ่าฝืน สกัดกั้นไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดในวงกว้างและจับกุมนายทุนที่กักตุนนำหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ มาจำหน่ายในราคาแพงเกินจริง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ย้ำกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “เวลานี้เป็นเวลาที่ประเทศไทย ต้องการความร่วมมือ ร่วมใจจากทุกฝ่าย ขอให้หยุดสร้างความเกลียดชังและความขัดแย้งในสังคม ขอให้พี่น้องประชาชนได้โปรดเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในอันที่จะนำพาประเทศ ไทยให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปให้ได้”
...
ภาพรวมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ต้องเข้ามาต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสที่เป็นปัญหาใหญ่ในหลายประเทศทั่วโลก ความไม่มีวินัย ขาดสำนึกของคนไทย และไม่ชัดเจนในนโยบายรัฐบาล เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง
ต้องทำงานหนัก และสุ่มเสี่ยงมากยิ่งขึ้น.
ทีมข่าวอาชญากรรม