ในยุค “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นหัวเรือใหญ่คุมกระทรวงยุติธรรม DSI หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ กลับมาผงาดสร้างชื่อกระฉ่อนปราบอาชญากรรมระดับประเทศหลายเคส “พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง” อธิบดีดีเอสไอ อดีต นรต.38 รับคำบัญชา จัดเต็มปราบโกง

เริ่มปฐมบทปราบแชร์แม่มณีจนกระฉ่อนยุทธจักร จับตัว น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หรือเดียร์ เน็ตไอดอลชื่อดังแม่ค้าขายตุ๊กตาออนไลน์ที่ผันตัวมาเป็นเท้าแชร์ให้ดอกเบี้ยสูง 93 เปอร์เซ็นต์ จนผู้คนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่า 4 พันราย มูลค่าความเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท เข้าเรือนจำไปพร้อมพรรคพวกเครือข่าย และตามยึดทรัพย์กราวรูดหลายร้อยล้านบาท หยุดขบวนการหลอกลวงต้มตุ๋นสำเร็จก่อนที่คนจะเป็นเหยื่อมากกว่านี้

ความวัวไม่ทันหายแชร์วงใหม่ก็เกิดขึ้น “แชร์ Forex 3–D” ที่มีประชาชนเสียหายร่วมลงทุนไปกว่า 10,000 คน มูลค่าความเสียหายทะลุหลัก 20,000 ล้านบาท โดยมี นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบดีเอสไอ พร้อมลูกน้อง 2 คู่หู นายพงษธร อินอำนวย และนายณัฐพล เย็นมี ที่เชี่ยวชาญและชำนาญคดีแชร์ลูกโซ่เป็นอย่างมาก ไล่ล่า “นายอภิรักษ์ โกฎธิ CEO แชร์ Forex 3-D” ที่หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว

ล่าสุด DSI ตามอายัดทรัพย์สิน อาทิ รถสปอร์ตหรู บ้านพร้อมที่ดิน และทรัพย์สินต่างๆมากมายของนายอภิรักษ์มาแล้ว 3 รอบ รวมมูลค่ากว่า 743 ร้อยล้านบาท

ปัจจุบันแชร์ลูกโซ่มีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว หาวิธีหลอกเอาเงินออกจากกระเป๋าประชาชน ที่หลวมตัวหลงเชื่อ “คำลวง” หรือโปรโมชันเลิศหรู ได้เงินง่ายและรวดเร็ว พร้อมสร้างภาพเป็นเซเลบในวงการบันเทิง ศิลปินดารา นักร้อง และคนมีชื่อเสียง ยืนข้างถ่ายรูปเปิดงานอีเวนต์เลิศหรู อลังการ ใครไม่เชื่อบ้างก็บ้าแล้ว

...

ดีเอสไอจึงต้องเล่นบทโหด เรียกดีเจแมน-พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา พร้อมใบเตย-สุธีวัน ทวีสิน สองสามีภรรยาดาราชื่อดัง ที่มีข้อมูล แชร์ Forex 3-D มาสอบปากคำในฐานะพยาน

เป็นการ “ปรามศิลปินดารา” ไม่ให้เข้าไปเอี่ยวหรือรับงาน “สร้างภาพ” ให้ขบวนการแชร์ลูกโซ่ และต้มตุ๋นต่างๆ

คดีสำคัญระดับประเทศของดีเอสไอคือการสะสางคดีการหายตัวไปกว่า 5 ปีของ นายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงแก่งกระจาน จนที่สุดศาลออกหมายจับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี พร้อมลูกน้อง 3 คน หลังพบหลักฐานสำคัญ ล่าสุดศาลให้ประกันตัวทั้งหมดออกมาสู้คดีตามกระบวนการกฎหมาย

นอกจากนี้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จับมือ DSI สางคดี “โทโมโกะ คาวาชิตะ” นักท่องเที่ยวสาวชาวญี่ปุ่น ที่ถูกคนร้ายฆ่าปาดคอเสียชีวิตในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า ตั้งแต่ปี 2550

ล่าสุดสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ใช้น้ำยาสกัด DNA ตัวใหม่นำเข้าจากต่างประเทศ เร่งหาร่องรอยที่เหลือน้อยมาก จากขอบกางเกงเหยื่อสาวชาวญี่ปุ่น หาร่องรอยคนร้าย งัด DNA ที่เชื่อว่าเป็นของมือมีดออกมาได้ และนำไปเทียบเคียงกับ DNA ผู้ต้องสงสัย จนมีแนวโน้มว่าฆาตกร คือชายไทย ลูกจ้างฟาร์มเลี้ยงหมู ที่ป่วยเสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2553 รอผลพิสูจน์ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ให้มั่นใจกว่านี้ เชื่อคดี “โทโมโกะ” จะปิดคดีเร็วๆนี้

ยังมีอีกหลายคดีที่แสดงให้เห็นว่า DSI “ยังเป็นอาวุธทรงพลัง และเป็นที่พึ่งประชาชนได้”.

ณัฐนันท์ จุฑากรณ์