นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผอ.สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงกรณีการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการพิจารณารับรองตำรับยาหมอพื้นบ้านเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีวาระการพิจารณาน้ำมันกัญชา สูตรนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี ว่า สาเหตุที่เลื่อนการประชุมเพราะคณะกรรมการฯ ไม่ครบองค์ประชุม เนื่องจากกรรมการบางส่วนติดภารกิจทั้งต่างจังหวัดและต่างประเทศ ซึ่งกรรมการจะมีทั้งหมด 20 ท่าน การพิจารณาตำรับยาหมอพื้นบ้านตามกฎหมาย จะต้องมีกรรมการเกินครึ่งหนึ่ง คือ ต้องมี 11 คนขึ้นไป เมื่อไม่ครบองค์ประชุมจึงต้องเลื่อนไปเป็นสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามการประชุมในวาระนี้ มีตำรับยาหมอพื้นบ้านส่งเข้ามาให้พิจารณาว่า เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมหรือไม่ประมาณกว่า 50 ตำรับ มีทั้งยาต้ม ยาเม็ด ยาลูกกลอน ยาแคปซูล ยาน้ำมัน ซึ่งหนึ่งในตำรับที่เสนอเข้ามาให้พิจารณานั้นมีน้ำมันกัญชาสูตร อ.เดชาด้วยเมื่อถามว่าหากน้ำมันกัญชาของ อ.เดชา เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม จะมีผลอย่างไร นพ.ขวัญชัย กล่าวว่า หากคณะกรรมการฯ พิจารณาว่า เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม ก็จะเป็นตำรับยาหมอพื้นบ้านตามกฎหมายโดยจะอนุญาตให้หมอพื้นบ้านปรุงยาสำหรับจ่ายให้คนไข้เฉพาะรายได้ ดังนั้น อ.เดชาซึ่งเป็นหมอพื้นบ้านก็จะสามารถสั่งจ่ายน้ำมันกัญชาสูตรนี้ให้แก่ผู้ป่วยในบ้าน หรือในชุมชนของตัวเองได้ คือ เป็นลักษณะการใช้ตามพื้นบ้าน ไม่ได้ใช้โดยทั่วไป แต่หากต้องการให้ผู้ป่วยเข้าถึงมากขึ้นหรือขยายผลจ่ายให้คนไข้ในพื้นที่อื่น ก็อาจจะให้หมอพื้นบ้านใน จ.พิจิตร เป็นเครือข่ายในการใช้ตำรับยานี้ เพราะที่ผ่านมามีการไปแจกน้ำมันกัญชาสูตรนี้ที่วัดใน จ.พิจิตร ก็อาจใช้วิธีนี้เพื่อเพิ่มการเข้าถึงได้เมื่อถามว่าจะเข้าเป็นตำรับยาที่มีกัญชาผสมเป็นตำรับที่ 17 ตามกฎหมายได้หรือไม่ นพ.ขวัญชัย กล่าวว่า แม้จะเป็นตำรับยาหมอพื้นบ้าน ไม่ได้แปลว่าจะเข้าสู่การเป็นตำรับยาที่ 17 ตามกฎหมาย การจะเข้าสู่ตำรับยาที่ 17 ได้ต้องมีผลการวิจัยที่ชัดเจนก่อนว่า มีประสิทธิผลรักษาโรคใดได้บ้าง มีความปลอดภัยหรือไม่ซึ่งขณะนี้รอการวิจัยที่ทำร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หากมีผลที่ชัดเจนก็สามารถเสนอคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดพิจารณาประกาศเป็นตำรับที่ 17 ได้ช่วยให้แพทย์แผนไทยจ่ายได้ครอบคลุมมากขึ้น.