ว่ากันว่า เรื่องของรสนิยมทางเพศนั้น ไม่ต่างกับรสนิยมในเสื้อผ้า หรืออาหาร

...ร้อยคนก็ร้อยจิตใจ บางคนชอบกินแกงส้ม แต่ถูกสังคมตีกรอบ ให้อยู่ในวงล้อมของกลุ่มคนกินสเต๊ก แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง สิ่งที่ห่อหุ้มคนเราไว้ภายนอก เป็นได้แค่หน้ากากที่ใช้อำพรางความหลากหลายทางเพศดิบแท้...ที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน

ลับหลังสังคมนิยมสเต๊ก...เพื่อความสะใจ หลายคนจึงแอบไปกระดกแกงส้มทั้งถ้วยแบบยกซด

เพศกำเนิด เพศสภาพ และ รสนิยมทางเพศ ทั้ง 3 อย่างนี้ คือ สิ่งที่ถูกซ่อนอยู่หลังหน้ากากของคนเรามาช้านาน

ใครที่มีเพศกำเนิด เพศสภาพ และรสนิยมทางเพศ...อย่างที่พระผู้เป็นเจ้า ทรงเห็นว่าควรจะเป็นถือว่าโชคดีไป เพราะไม่ต้องหาหน้ากากมาสวมอำพรางตัวตน แต่ในความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นทั้งหมดไม่

เพราะบางคนแม้จะมีเพศกำเนิด และเพศสภาพ เกิดมาเป็นชายหรือหญิง แต่ลึกๆแล้วกลับมีรสนิยมความชอบทางเพศ แบบหญิงกับหญิงก็ได้ หรือหญิงกับชาย...ก็กวาดเรียบ ไม่มีเหลือ กลุ่มคนเหล่านี้ถูกจัดอยู่ในประเภทที่เรียกว่า B หรือ Bisexual นั่นเอง

ขณะที่บางคนมีเพศกำเนิดเป็นหญิง แต่กลับมีเพศสภาพเป็นชาย หรือมีเพศกำเนิดเป็นชาย แต่มีเพศสภาพตุ้งติ้งออกไปทางหญิง คนกลุ่มนี้ถูกเรียกว่า T (Transgender) หรือกลุ่มคนข้ามเพศ

ส่วนผู้ที่มีเพศกำเนิด เพศสภาพ เป็นผู้หญิงทั้งผืน คือ เกิด แต่งตัว มีเพศสภาพในปัจจุบันเป็นหญิง แถมยังชอบไม้ป่าเดียวกันที่เป็นหญิงอีกด้วย แบบนี้เรียกว่า พวก L หรือ Lesbian

ส่วนพวก G หรือ GAY นั้น จำง่ายๆว่า หมายถึง ผู้ที่มีเพศกำเนิด เพศสภาพ ที่เกิดมาและแต่งตัวเป็นชาย แถมยังมีรสนิยมทางเพศชื่นชอบผู้ชายไม้ป่าเดียวกันด้วย

ทุกวันนี้ทั่วโลกมีชาวประชาทั้ง 4 กลุ่มนี้ ซึ่งรวมเรียกสั้นๆว่า LGBT มากมายก่ายกองเหลือจะนับ กะคร่าวๆด้วยสายตาหลายคนเชื่อว่าน่าจะมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 15-20% ของประชากรโลกด้วยซ้ำ

...

สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของเพศวิถีแห่งปี 2018 แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความหลากหลายทางเพศ ยังมีความสลับซับซ้อนยิ่งกว่านั้น

ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยโพสต์ไว้ใน @brandbuffet ว่า ความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียด และซับซ้อนมาก

เช่น ในกลุ่มหญิงรักหญิง ซึ่งอาจจะมีทั้งทอมหรือดี้ ในทอมเองก็จะมีทั้งคนที่ยังเป็นหญิงอยู่ ซึ่งอาจจัดอยู่ในกลุ่ม L หรือเป็นทอมที่แปลงเพศมาแล้ว แต่จัดอยู่ในกลุ่ม T เช่นเดียวกับพวกเกย์เอง ก็มีทั้งที่เรียกตัวเองว่า เกย์คิง และเกย์ควีน

นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เรียกตัวเองว่า Queer ซึ่งหมายถึง กลุ่มที่ไม่ยึดติดกับกรอบทางเพศใดๆ ทั้งนั้นทำให้บางทีเราอาจได้ยินคำเรียกรวมๆ ว่า LGBTQ ซึ่งหากศึกษาผลวิจัยด้านเพศของเมืองนอกแล้ว จะพบว่าความหลากหลายทางเพศมีอยู่มากมายถึง 33 กลุ่ม เช่น Poligender, Bigender, Omnigender, Androgyne เป็นต้น

ที่สำคัญ ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่ระบุสถานะทางเพศของตัวเอง หรือบางคนแม้จะมีภาพลักษณ์ทางเพศแบบหนึ่ง แต่ในบางเวลาจะมีความรู้สึก หรือรสนิยมทางเพศที่ต่างจากช่วงเวลาปกติก็มี

ยกตัวอย่าง เราอาจจะเห็นทอมบางคนมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความชื่นชอบในผู้หญิงด้วยกัน หรือแม้แต่เพศชายหรือหญิงทั่วไป ซึ่งไม่ได้มีรสนิยมทางเพศที่ตายตัว

“สมัยนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลก ที่คนหนึ่งคนอาจจะมีความหลากหลายทางเพศอยู่ในตัว และเลือกที่จะแสดงแง่มุม หรือความเป็นตัวตนด้านใดของตัวเองออกมา ไม่ต่างกับการเลือกใส่เสื้อผ้าที่แตกต่างกันในแต่ละวัน บางวันอาจจะอยากแต่งตัวแบบเรียบง่าย เท่ๆ หวานๆ ห้าวๆ หรือเหมือนกับรสนิยมการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน”

ดังนั้น เพื่อให้รับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ล่าสุด ประเทศไทยจึงอยู่ระหว่างการเสนอ ร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ. ...ขึ้น

สังเกตให้ดี คำว่า “คู่ชีวิต” ตามร่างกฎหมายนี้ กับ “คู่สมรส” ที่มีบัญญัติไว้แต่เดิมแล้วในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้นต่างกัน ตรงที่สถานภาพของ “คู่ชีวิต” ไม่เหมือนกับ “คู่สมรส” แต่ก็มีความใกล้เคียงกับสถานภาพของผู้จดทะเบียนสมรส...ในบางเรื่อง

ที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นผู้เสนอร่างฯ นอกจากได้ล้อแนวคิด เทียบเคียงกับกฎหมายของต่างประเทศ ยังได้ทำประชาพิจารณ์กับภาคประชาสังคมหลายกลุ่ม และพร้อมจะแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะกับสภาพของสังคมไทย

โดยสาระสำคัญยังคงเน้นแก้ปัญหาให้แก่ กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งต้องการสร้างครอบครัว และใช้สิทธิ์อยู่ร่วมกัน ช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะ รวมทั้งการระบุถึงทรัพย์สินที่ทั้ง 2 ฝ่ายสร้างมาหลังใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน กระทั่งการจัดการมรดก หลังจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตาย

นรีลักษณ์ แพไชยภูมิ ผู้อำนวยการกองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้เผยถึงความคืบหน้าของร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า หลังจากได้รับฟังความคิดเห็นที่ประชาชนภาคส่วนต่างๆ และกลุ่มหลากหลายทางเพศ มีต่อร่าง พ.ร.บ.นี้ เสร็จเรียบร้อยไปแล้ว

จากนี้จะนำความเห็นที่ได้จากการเปิดเวทีรับฟังความเห็น เสนอไปยัง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.ยุติธรรม ก่อนจะส่งต่อให้คณะรัฐมนตรี และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2561

ทั้งนี้ จะมีการเพิ่มเติมเนื้อหาในส่วนที่มีการเสนอขอให้ปรับแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยการขอเพิ่ม สิทธิในการรับบุตรบุญธรรม และ การขอสิ้นสุดการเป็นคู่ชีวิต ในกรณีที่คู่ชีวิตไม่อาจมีเพศสัมพันธ์ หรือว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีโรคติดต่อร้ายแรงบรรจุเพิ่มเข้าไปในร่าง พ.ร.บ.นี้ด้วย

เป็นที่น่าสังเกตว่า การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว ส่วนใหญ่หลายฝ่ายให้การขานรับร่างกฎหมายนี้ มีเพียงบางส่วน เช่น ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีผู้นับถือศาสนาอิสลามจำนวนมาก ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่จะให้บุคคลหลากหลายทางเพศ ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.นี้ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักศาสนา

...

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบของ ครม. และ สนช. คลอดออกมาเป็นกฎหมายใช้บังคับ

อย่าลืมว่า...ชีวิตคู่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแค่วันสองวัน แต่มันหมายถึงการอยู่ และต้องดูแลกันไปทั้งชีวิต ครอบครัวเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรัก ความห่วงใย การช่วยเหลือ ให้อภัย และการอยู่เพื่อกันและกัน ทั้งในเวลาที่ดีและเลวร้าย เพราะคำว่าครอบครัวไม่มีคำว่าของคุณหรือของฉัน มีแต่ “ของเรา”

สุดท้ายความสำคัญของชีวิตคู่ไม่ได้สิ้นสุดลงที่การแต่งงาน แต่มันคือความสุขจากความสัมพันธ์ ที่จะจับมือพากันไปจนแก่และตายจากกันต่างหาก.