แม้เป็นส่วนน้อยของที่ว่างสำหรับคนทำงาน

แต่ถือว่าคุ้มค่า พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา นักสืบหนุ่มมากประสบการณ์ที่โดนย้ายจากตำแหน่ง ผกก.สส.ภ.จ.ระนอง เข้ากรุนั่ง ผกก.ฝอ.8 บก.อก.บช.ภ.8 ในคำสั่งเที่ยวที่แล้ว

ครั้งนี้ “ฟ้ามีตา” พาให้ขึ้นเป็นรอง ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี

เจ้าตัวทิ้งแง่คิดการทำงานไว้หลายอย่างเกี่ยวกับเทคนิคการสืบสวนให้แก่รุ่นน้อง

คือรักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รัก และการลากเส้นต่อจุด

เกิดขึ้นตั้งแต่ชีวิตเริ่มต้นการเป็นนักสืบตำแหน่งรอง สว.กก. สส.บก.น.6 ยุค พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ เป็น ผู้กำกับคุมหน่วย อาศัยครูพักลักจำเทคนิคการสืบสวนทั้งแบบคลาสสิกและสมัยใหม่

ทำไป เรียนรู้ไป ทำดีได้รับคำชมบ้างน้อยมาก ถ้าทำไม่ดีถูกตำหนิ (ด่า) เป็นเรื่องปกติ แต่ไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียด คิดเสมอว่า เป็นเทคนิคการเรียนการสอนของเหล่าเทพทั้งหลาย

เมื่อได้แต่งตั้งให้เป็น สวป.เมืองภูเก็ต พัฒนาสถานีตำรวจ ตามโครงการโรงพักเพื่อประชาชนได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ติดต่อกันหลายปี แต่มีความรู้สึกว่า งานตำรวจที่รักที่ชอบคือ “งานสืบสวน” เพราะท้าทาย ตื่นเต้น ทำแล้วมีความสุขเมื่อจับคนร้ายได้

เห็นแววตา รอยยิ้มของผู้เสียหาย เหมือนเป็นการทำบุญให้กับคนที่ได้รับความเดือดร้อน

โชคดีมีโอกาสได้ร่วมงานกับ พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ สมัยเป็น ผบก.สส.ภ.8 ปรมาจารย์ด้านการสืบสวน โดยเฉพาะ “เทคนิคการซักถาม” และ พ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ ถือเป็นยุค รุ่งเรืองของสืบภาค 8

ทว่า สิ่งสำคัญที่ได้มีโอกาสทำมากกว่างานคือ การพัฒนาคน พัฒนาทีมสืบสวนให้มีคุณภาพ ด้วยการจัดฝึกอบรมโครงการ Detective Team จำนวน 4 รุ่น ประมาณ 150 คน นำความรู้ ที่จำเป็นสำหรับนักสืบมาสอน เน้นเรียนรู้จากการปฏิบัติ

...

เป็นต้นแบบในการฝึกอบรมนักสืบภูธรในเวลาต่อมา

เขายังมีโอกาสไปอบรมหลักสูตร “ราชเดช” ที่มี พล.ต.ต.สมชาย อ่วมถนอม รอง ผบช.ภ.8 ในขณะนั้นให้โอกาสเรียนเทคนิคการใช้อาวุธปืน รวมถึงยุทธวิธีสำหรับตำรวจเป็นองค์ความรู้ใหม่เกินความคาดหมาย

ได้สัมผัสมุมคิดที่ว่า “ดาวฤกษ์ มีแสงสว่างในตัวเอง”.

สหบาท