เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.สถาบันการเลือกตั้งแห่งชาติเม็กซิโกเผยผลการนับคะแนนเบื้องต้นของการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ปรากฏว่านางคลอเดีย เชนบาม อดีตผู้ว่าการกรุงเม็กซิโก ซิตี วัย 61 ปี ตัวแทนจากพรรคโมเรนา พรรครัฐบาลเม็กซิโก ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย เตรียมรับตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเม็กซิโก ด้วยคะแนนเสียงอย่างน้อย 58.3% นำห่างคู่แข่งอย่างนางโซชิลต์ กัลเวซ ผู้สมัครจากแนวร่วมฝ่ายค้านที่มีคะแนนเสียงอย่างน้อย 26.6% ขณะที่นายฮอร์เก อัลวาเรซ เมเนซ ตามมาในอันดับ 3 ด้วยคะแนนเสียงอย่างน้อยเพียง 9.9%

นางเชนบามประกาศชัยชนะเป็นผู้นำหญิงคนแรกของประเทศในรอบ 200 ปี ที่จัตุรัสโซกาโล ใจกลางเมืองเก่าของกรุงเม็กซิโก ซิตี ขอบคุณผู้สนับสนุน พร้อมให้คำมั่นจะไม่ทำให้ประชาชนต้องผิดหวัง จะเดินหน้าสร้างเม็กซิโกที่เจริญรุ่งเรือง มีความหลากหลายและเป็นประชาธิปไตย ดูแลชาวเม็กซิโกทุกคนโดยไม่แบ่งแยก ยืนยันสานต่อนโยบายด้านสวัสดิการสังคมของนายอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง

ด้านนายโลเปซ โอบราดอร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่เลี้ยงและที่ปรึกษาคนสำคัญของว่าที่ผู้นำเม็กซิโกคนใหม่ ได้เผยแพร่วิดีโอแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของเชนบาม ที่นอกจากจะเป็นผู้นำหญิงคนแรกแล้ว ยังเป็นผู้ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เกินกว่า 54.71% ของโลเปซ โอบราดอร์ ในการเลือกตั้งปี 2561 อีกด้วย

ว่าที่ผู้นำเม็กซิโกคนใหม่เกิดในกรุงเม็กซิโก ซิตี ในครอบครัวชาวยิวอพยพมาจากลิทัวเนียและบัลแกเรีย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาฟิสิกส์ รวมถึงปริญญาโทและปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมพลังงาน เป็นนักวิชาการวิทยาศาสตร์สภาพอากาศมาโดยตลอดก่อนเข้าสู่แวดวงการเมือง กระทั่งเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการกรุงเม็กซิโก ซิตีในปี 2561 และเพิ่งสมรสครั้งที่ 2 เมื่อปีที่แล้วกับนายเฮซุส มาเรีย ทาริบา นักการเงินของธนาคารกลางเม็กซิโก อดีตเพื่อนร่วมชั้นที่มหาวิทยาลัยอิสระแห่งชาติเม็กซิโก (UNAM) ในขณะที่เธอกลายเป็นคุณย่า

...

ทั้งนี้ประธานาธิบดีคนใหม่ต้องรับภาระหนักอึ้ง อย่างการคลี่คลายปัญหาความรุนแรงและความปลอดภัย ของประชาชนจากกลุ่มอาชญากรที่เหิมเกริมหนักข้อ แม้ว่ารัฐบาลปัจจุบันจะอ้างว่าอัตราการตายจากความรุนแรงลดลงถึง 20% นับแต่ปี 2561ขณะที่แก๊งอาชญากรรมยังขยายอิทธิพลในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ทั้งค้ายาเสพติดข่มขู่รีดไถและการลักลอบขนคนเข้าเมือง รวมทั้งปัญหาหนี้สินของบริษัทน้ำมันพีเม็กซ์ของประเทศ ขณะเดียวกันยังต้องจัดการความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนกับสหรัฐฯ ทั้งการลักลอบขนยาเสพติดข้ามแดนและการอพยพย้ายถิ่น.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่