เย็นวันที่ 15 พฤษภาคม นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีวัย 72 ปีของสิงคโปร์ได้ก้าวลงจากตำแหน่งนายกฯรุ่นที่ 3 ตามที่ได้ประกาศล่วงหน้าเดือนที่แล้ว หลังจากที่ครองตำแหน่งนี้มานานถึง 20 ปี เพื่อเปิดทางให้ นายลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง วัย 51 ปี ก้าวขึ้นมาเป็น นายกรัฐมนตรีรุ่นที่ 4 ของสิงคโปร์ ประเทศเล็กๆ ทางใต้ของไทย มีพื้นที่แค่ 735 ตาราง กม. ประชากร 5.9 ล้านคน แต่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 36 ของโลก จีดีพี 525,228 ล้านดอลลาร์ รายได้ต่อหัว 91,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ อันดับ 5 ของโลก ขณะที่จีดีพีต่อหัวของคนไทยอยู่ที่ 7,812 ดอลลาร์ อันดับที่ 88 ของโลก
สิงคโปร์ ได้เอกราชมาแค่ 69 ปี แต่กลับเจริญแซงหน้าประเทศไทยไปไม่เห็นฝุ่น
ตอนที่สิงคโปร์ได้เอกราช 69 ปีก่อน เกาะสิงคโปร์ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย แต่สิ่งที่ นายลี กวนยู ผู้ก่อตั้งประเทศสิงคโปร์และเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์กำหนดเป็น “วิสัยทัศน์” ในการสร้างประเทศสิงคโปร์ก็คือ “การสร้างประชาชนที่มีคุณภาพด้วยการศึกษาที่ดีที่สุด” เพื่อเป็น “ทรัพยากรของสิงคโปร์” ซึ่งก็ออกดอกออกผลให้เห็นในวันนี้ ใน หนังสือ Leadership ของ ดร.เฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯผู้โด่งดัง ได้พูดถึงความสำเร็จของ ลี กวนยู ว่า “สิ่งที่กำหนดชะตาชีวิตของสังคม ไม่ใช่ความมั่งคั่งทางวัตถุหรืออำนาจ แต่เป็นคุณภาพประชาชนของประเทศและวิสัยทัศน์ของผู้นำ”
หากย้อนดู “วิสัยทัศน์ผู้นำไทย” ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ประเทศไทยอ่อนแอจนเศรษฐกิจไทยไม่สามารถเติบโตได้เกิน 3% จะเห็นความแตกต่างชัดเจน ผู้นำไทยทุกสมัยมีแต่ “นโยบายประชานิยม” ซึ่ง ทำให้ประชาชนอ่อนแอ รอรับเงินแจกและความช่วยเหลือจากรัฐบาล ไม่เคยมีนโยบาย สร้างประชาชนที่มีคุณภาพ เหมือนสิงคโปร์
...
นายลี เซียนลุง นายกฯสิงคโปร์รุ่นที่ 3 ได้กล่าวปราศรัยใหญ่ต่อชาวสิงคโปร์เมื่อปลายปีที่แล้ว เป็นคำปราศรัยที่มีคุณค่าและได้รับการแชร์มากที่สุด ประโยคสำคัญบางช่วงเขากล่าวว่า “นักการเมืองต้องมีความซื่อสัตย์ ประชาชนก็ต้องสะอาดและมีความซื่อสัตย์ด้วย ถ้าคุณไม่มีความซื่อสัตย์ ไม่สะอาด มีหน้ากากสีดำปิดไว้ ไม่ว่าประชาชนจะรู้หรือไม่ โปรดออกไปจากการเมืองเสีย เราต้องการนักการเมืองที่มีความซื่อสัตย์ และประชาชนที่สามารถบอกได้ว่า คุณเป็นนักการเมืองที่ซื่อสัตย์หรือไม่”
ประเทศที่เจริญ ไม่เพียง ต้องมีนักการเมืองที่ซื่อสัตย์ แต่ ต้องมีประชาชนที่ซื่อสัตย์ด้วย ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ
นายลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของสิงคโปร์ เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ใน “ทีมผู้นำการเมืองรุ่นที่ 4” (4th Generation Leader) ที่ พรรคกิจประชาชน (People’s Action Party) ตั้งขึ้น เพื่อเป็นศูนย์รวมของ “กลุ่มนักการเมืองดาวเด่นของพรรค” ที่คาดหมายว่า จะได้ร่วมรัฐบาลภายใต้ผู้นำสิงคโปร์คนต่อไป และ หนึ่งในทีม 4G Leader จะได้รับการวางตัวให้เป็น “นายกรัฐมนตรีคนใหม่” ไม่ใช่ “การสืบทอดตำแหน่งจากทายาทในครอบครัว” เหมือนการเมืองไทย
ลอว์เรนซ์ หว่อง เป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล นายกฯลี เซียนลุง เมื่อได้รับเลือกเป็น นายกฯรุ่นที่ 4 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็น รองนายกฯ อีกตำแหน่ง เพื่อเตรียมรับการสืบทอด หว่อง จบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์จาก ม.วิสคอนซิน ปริญญาโทเศรษฐศาสตร์จาก ม.มิชิแกน และปริญญาโทจาก Kenedy School of Govrmment ม.ฮาร์วาร์ด ที่เดียวกับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล อดีตแคนดิเดตนายกฯ
สิงคโปร์ เจริญก้าวหน้าทิ้งไทยไปไกลมาก ทั้งที่มีอายุน้อยกว่าไทยร้อยกว่าปี เพราะเขา “เลือกผู้นำ” จาก “คนเก่ง” และ “คนดี” ไม่ใช่ “ทายาทนักการเมือง” เพราะคนสิงคโปร์ตระหนักดีว่า ประเทศชาติเป็นของประชาชนทุกคน ไม่ใช่บริษัทส่วนตัวของใคร.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม