เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.สำนักข่าวต่างประเทศรายงานข่าวนายเอซซาโตลลาห์ ซาร์กามี รมว.มรดกทางวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและหัตถกรรมอิหร่าน เผยว่า รัฐบาลอิหร่านเห็นชอบยกเลิกข้อกำหนดวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 33 ประเทศ หวังส่งเสริมการท่องเที่ยวและส่งสัญญาณถึงความมุ่งมั่นของอิหร่านในการมีส่วนร่วมกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประกอบด้วยรัสเซีย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เซอร์เบีย โครเอเชีย เบลารุส สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ คูเวต เลบานอน อุซเบกิสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน บราซิล เปรู คิวบา เม็กซิโก เวเนซุเอลา อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ กัมพูชา มาเลเซีย บรูไน และเวียดนาม เป็นต้น โดยไม่มีประเทศไทยอยู่ในรายชื่อ

ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีชาวต่างชาติเดินทางเข้าอิหร่านเพียง 3,354,185 คน ทั้งที่มีมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ยาวนาน รวมถึงธรรมชาติที่น่าหลงใหล แต่ข่าวการกักขังชาวต่างชาติ กฎการแต่งกายของสตรีที่เข้มงวด รวมทั้งข้อจำกัดเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสถานบันเทิงยามค่ำคืนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวนี้ยังแสดงถึงก้าวสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบียหลังเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ต่อมาแหล่งข่าวในสถานเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทยชี้แจงว่าอาจมีการเพิ่มประเทศอื่นๆในอนาคต.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่