คลัสเตอร์บอมบ์หมายถึงระเบิดลูกปราย เป็นระเบิดที่บรรจุลูกระเบิดขนาดเล็กๆ ไว้ภายในเป็นจำนวนมาก ถึงคราวจะนำมาใช้ก็ใช้ได้มากมายหลากหลายวิธี ทิ้งลงจากเครื่องบินก็ได้ เป็นขีปนาวุธ ใช้ปืนใหญ่ยิงจากพื้นดินสู่พื้นที่เป้าหมายก็ได้ คลัสเตอร์บอมบ์จะระเบิดกลางอากาศเพื่อปล่อยลูกระเบิดย่อยให้กระจายเป็นวงกว้าง นักรบที่กลัวคลัสเตอร์บอมบ์มากที่สุดก็เป็นพวกทหารราบที่ประจำการอยู่ในสนามเพลาะ หรืออยู่ในหลุมที่ขุดเพื่อใช้เป็นที่มั่นในการต่อสู้ และพวกที่อยู่ตามป้อมค่าย
ทันทีที่สหรัฐฯประกาศส่งคลัสเตอร์บอมบ์ให้อูเครนจึงมีเอ็นจีโอ ของหลายประเทศออกมาคัดค้าน โดยเฉพาะเอ็นจีโอที่ช่วยเหลือผู้พิการจากการโดนระเบิด ไม่ว่าจะเป็นที่กัมพูชา ลาว หรือเวียดนาม ซึ่งประชาชนของประเทศเหล่านี้ทุกข์ทรมานจากคลัสเตอร์บอมบ์มาก่อน แม้แต่สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็ยังออกมาเตือนว่าจะรบก็รบกันไป แต่อย่าใช้คลัสเตอร์บอมบ์เลย เพราะประชาชนจะเดือดร้อน
ที่ทุกคนเตือนอย่างนี้เพราะคลัสเตอร์บอมบ์มีความคลาดเคลื่อนผิดพลาดจากเป้าหมายและมี Dud Rate หรือการไม่ระเบิดในอัตราที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าลูกระเบิดตกลงพื้นที่ที่เปียกหรือนุ่ม คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) บอกว่าคลัสเตอร์บอมบ์ที่ถูกนำมาใช้ในการสู้รบจะมีอัตราการระเบิดด้านสูงถึงร้อยละ 40 ทำให้มีระเบิดลูกเล็กๆ ตกค้างกระจายอยู่ตามพื้นดิน เมื่อประชาชนเดินไปเหยียบ หรือไปหยิบขึ้นมาดูก็จะเกิดระเบิด แม้จะหลายสิบปีก็ยังระเบิด ร้อยละ 60 ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากคลัสเตอร์บอมบ์นั้นไม่ใช่ทหาร แต่เป็นพลเรือนที่ปฏิบัติภารกิจประจำวันของตนในพื้นที่ต่างๆ
ตัวเลขในอดีตที่น่าสนใจก็คือ 1 ใน 3 ของคนที่ตายจากคลัสเตอร์บอมบ์เป็นเด็ก เพราะเด็กไม่รู้ว่าสิ่งที่อยู่บนพื้นเบื้องหน้านั้นคืออะไร ไปหยิบมาเล่นก็ระเบิด เดินไปเหยียบก็ระเบิด เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในกัมพูชาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีรายงานจากรอยเตอร์ว่า สหรัฐฯทิ้งระเบิดคลัสเตอร์บอมบ์ใน สปป.ลาว ระหว่างค.ศ.1964-1973 หลายล้านลูก ขณะนี้มีการกู้ระเบิดไปแล้วไม่ถึง 4 แสนลูก หรือเพียงร้อยละ 0.47 เฉพาะใน สปป.ลาวมีพลเรือนตายจากคลัสเตอร์บอมบ์ 1.1 หมื่นคน
...
ทันทีที่ประธานาธิบดีไบเดนประกาศจะส่งคลัสเตอร์บอมบ์ให้อูเครนใช้รบกับรัสเซีย บรรดา สส.และ สว.ของพรรคเด็มโมแครตอภิปรายคัดค้านกันอยู่นานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน นักสิทธิมนุษยชนทั้งของสหรัฐฯและของประเทศอื่นก็ต่อต้านกันอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ปรากฏเป็นข่าวใหญ่ ประเทศต่างๆ ในโลกนี้มากกว่า 100 ประเทศมาประชุมและลงนามร่วมกันใน Convention on Cluster Munitions (CCM) หรืออนุสัญญาว่าด้วยระเบิดลูกปราย ค.ศ.2008 ข้อใหญ่ใจความของอนุสัญญานี้ก็คือ ทุกประเทศจะไม่ใช่ระเบิดลูกปรายเด็ดขาด แต่สหรัฐฯ รัสเซีย และอูเครน ไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาฉบับนี้
เมื่อสหรัฐฯส่งระเบิดลูกปรายให้อูเครน รัสเซียก็ประกาศว่าตนเองมีความชอบธรรมในการที่จะใช้ระเบิดลูกปรายกับอูเครนเช่นเดียวกัน หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของสหรัฐฯอ้างแหล่งข้อมูลทางการทหาร และข้อมูลจากกลุ่มกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (องค์กรไม่แสวงหากำไร) บอกว่าขณะนี้มีพื้นที่ในอูเครน 1.73 แสนตารางกิโลเมตรที่เต็มไปด้วยกับระเบิดและระเบิดที่ยังไม่ได้ระเบิด ตอนนี้เริ่มมีเด็กๆอูเครนหลายสิบคนและมีพลเรือนผู้ใหญ่หลายร้อยรายเหยียบระเบิดเสียชีวิต
วอชิงตันโพสต์บอกว่า หากใช้คณะทำงานเก็บกู้ระเบิด 500 ทีม จะต้องใช้เวลาเก็บกู้นานถึง 757 ปี ทางธนาคารโลกประมาณว่า ช่วง 10 ปีข้างหน้า เฉพาะค่าเก็บระเบิดในอูเครน ต้องใช้งบประมาณมากถึง 37,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.3 ล้านล้านบาท
เป็นไปตามความต้องการของสหรัฐฯและตะวันตก ที่ต้องการให้แผ่นดินยุโรปตะวันออกเป็นแผ่นดินอันตราย แม้แต่จะเดินเที่ยว เดินเล่น เดินไปเก็บเห็ด อย่างที่ทีมงานเปิดฟ้าส่องโลกเคยขับรถตระเวนและไปเก็บเห็ดตามป่าต่างๆของอูเครนมาหลายครั้ง จะปัจจุบันหรืออนาคต ก็ทำไม่ได้อีกแล้ว.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com