ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะคิดปฏิรูปสถาบันให้ทันยุคทันสมัยเข้าถึงประชาชน ทันทีที่ประกาศถอดพระยศพระราชนัดดา 4 พระองค์ เพื่อลดขนาดราชวงศ์ ควีนเดนมาร์ก “สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่สอง” พระชนมพรรษา 82 พรรษา ก็ทรงต้องเจอกับปฏิกิริยาต่อต้านจากพระบรมวงศานุวงศ์ กดดันให้ต้องทรงออกมาขอโทษ เพื่อยุติความบาดหมางในครอบครัว

งานนี้ตัวการก่อพายุลูกใหญ่คือ “เจ้าชายโจอาคิม” พระราช โอรสองค์รองขององค์ควีน ทรงเปิดใจสัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า รู้สึกไม่พอใจต่อแถลงการณ์ดังกล่าวของพระราชมารดาที่ประกาศว่า พระโอรสและพระธิดาทั้ง 4 พระองค์ของ “เจ้าชายโจอาคิม” คือ เจ้าชายนิโคไล พระชนม์ 23 ชันษา, เจ้าชายเฟลิกซ์ พระชนม์ 20 ชันษา, เจ้าชายเฮนริก พระชนม์ 13 ชันษา และเจ้าหญิงเอธินา พระชนม์ 10 ชันษา จะถูกถอดพระยศเจ้าชายเจ้าหญิงตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2023 เปลี่ยนมาใช้พระยศเคานต์แห่งมอนเปซาตและเคาน์เตสแห่งมอนเปซาต อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะลดขนาดราชวงศ์และรักษาเสถียรภาพความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์ในอนาคต

“มันไม่สนุกเลยที่ต้องทนเห็นลูกๆถูกปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมเช่นนี้ ลูกๆของเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาเองก็ไม่เข้าใจ” ...เจ้าชายโจอาคิม ทรงระบายความอัดอั้น พร้อมยืนกรานว่า ตั้งแต่มีประกาศแถลงการณ์เมื่อปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆจากพระราชมารดาและพระเชษฐา “เจ้าฟ้าชายเฟรเดอริก” มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก ซึ่งไม่โดนหางเลขใดๆจากเรื่องนี้

ด้าน “เจ้าหญิงมารี” พระชายาของเจ้าชายโจอาคิม ทรงตัดพ้อกับสื่อว่า พระโอรสองค์เล็กถูกรังแกและล้อเลียนที่โรงเรียน หลังมีประกาศแถลงการณ์ถอดพระยศ ซึ่งแจ้งล่วงหน้าเพียงไม่นาน

...

ขณะที่ “เจ้าชายนิโคไล” พระโอรสองค์โตของเจ้าชายโจอาคิม ทรงยอมรับว่า ครอบครัวเรารู้สึกช็อกกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

อย่างไรก็ดี หลังอึมครึมอยู่พักใหญ่ เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว “เจ้าชายโจอาคิม” ทรงบินจากพระตำหนักในฝรั่งเศสไปเข้าเฝ้า “ควีนเดนมาร์ก” ที่พระราชวังเฟรเดนส์บอร์ก เพื่อไกล่เกลี่ยหาทางออกร่วมกัน โดยงานนี้ปราศจากเงาขององค์รัชทายาทอันดับหนึ่ง

สำหรับเบื้องหลังการตัดสินพระทัยครั้งใหญ่ที่สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่ว “ควีนเดนมาร์ก” ตรัสว่า มีพระประสงค์ให้ราชวงศ์เดนมาร์กปรับตัวให้ทันยุคทันสมัย โดยการตัดสินพระทัยดังกล่าวผ่านการไตร่ตรองมาแล้วอย่างรอบคอบและทรงเชื่อว่านี่คือการรักษาเสถียรภาพของสถาบันกษัตริย์ในอนาคต

กระนั้น หลังมีปฏิกิริยารุนแรงจากพระราชโอรสองค์รอง สำนักพระราชวังต้องออกมาชี้แจงว่า “สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่สอง” ทรงปรารถนาให้พระราชนัดดา 4 พระองค์ ได้เลือกทางเดินชีวิตของตนเองอย่างมีอิสระมากขึ้น แต่เรื่องราวกลับกลายเป็นว่าความหวังดีดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้พระบรมวงศานุวงศ์บางพระองค์

“ควีนเดนมาร์ก” ทรงยอมรับว่า คาดไม่ถึงว่าจะเกิดปฏิกิริยาเช่นนี้จากพระบรมวงศานุวงศ์ ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าต้องขอโทษด้วย!!...“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าลูกๆของข้าพเจ้า ลูกสะใภ้ และหลานๆของข้าพเจ้าคือความสุขและความภูมิใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าหวังว่าครอบครัวเราจะทำใจยอมรับและผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้”

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะปฏิรูปสถาบัน แค่คิดจะลดขนาดราชวงศ์ให้กะทัดรัดขึ้นยังโดนลูกหลานประท้วงหนัก นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ “ควีนเดนมาร์ก” ยังไม่พร้อมผลัดใบราชวงศ์ ส่งไม้ต่อให้พระราชโอรสองค์โต “เจ้าฟ้าชายเฟรเดอริก” ขึ้นเป็นพระประมุของค์ใหม่ ทั้งๆที่ราชวงศ์ทั่วยุโรปต่างผลัดแผ่นดินเข้าสู่ยุคสมัยใหม่กันเกือบหมดแล้ว.

มิสแซฟไฟร์