สงครามย่อมพลิกผันได้ตลอดเวลาไม่เกี่ยวกับว่ากองทัพฝ่ายหนึ่งจะมีกำลังพลมากกว่า หรือครอบครองอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมหาศาล
และในครั้งนี้ ก็เป็น “กองทัพรัสเซีย” ที่เพลี่ยงพล้ำ ในสมรภูมิเมือง “ลีมาน” ปราการตั้งรับสำคัญ ทางตอนเหนือของจังหวัดโดเนตสก์ ติดกับทางตะวันออกของจังหวัดคาร์คิฟ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยูเครน
โดยเป็นเหตุสืบเนื่องมาจากปฏิบัติการตีโต้ฉับพลันของกองทัพยูเครน ที่สามารถทวงคืนพื้นที่จังหวัดคาร์คิฟมาได้ทั้งหมด และเปิดฉากการรุกต่อเนื่องเข้าสู่ตอนเหนือของโดเนตสก์ ทั้งพยายามเจาะแนวรบรัสเซียเพื่อรุกคืบเข้าสู่จังหวัดลูฮานสก์ ที่ก่อนหน้านี้กองทัพรัสเซียยึดครองได้แล้วทั้งหมด
กองทัพรัสเซียยึดเมืองลีมานจากยูเครน เมื่อเดือน พ.ค. ก่อนจะสูญเสียที่มั่นดังกล่าวไปเมื่อ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา กรณีนี้ยังไม่ชัดเจนว่า รัสเซียสูญเสียกำลังพลในสมรภูมิเมืองลีมานไปเท่าไร เนื่องจากการรบเป็นไปอย่างดุเดือด การบุกสายฟ้าแลบของยูเครน ส่งผลให้ลีมานถูกโอบล้อมในลักษณะคีมหนีบ จากทางเหนือและทางใต้
ทางหลวงเส้นทางหลัก สำหรับการหลบหนีออกจากเมืองทางทิศตะวันออกถูกยูเครนตัดขาดจนกองทัพรัสเซียต้องจัดกำลัง “ช่วยเหลือ” ฉุกเฉิน ส่งเข้าไปตีโต้และยันแนวรบ เพื่อสร้าง “คอร์ริดอร์” เปิดทางหนีให้หน่วยรบที่ตกอยู่ในวงล้อม ซึ่งรวมถึงกองพลผสมที่ 20 สังกัดกองทัพภาคตะวันตก จากนั้นถึงทำการล่าถอยอย่างเร่งด่วน ท่ามกลางห่าปืนใหญ่ของยูเครน ที่ระดมยิงเส้นทางหลวง ที่รัสเซียเรียกว่า “ถนนแห่งชีวิต” อย่างหนักหน่วง
ชัยชนะครั้งสำคัญของยูเครนหนนี้ บรรดาสื่อสายความมั่นคงของรัสเซียต่างวิจารณ์กันอย่างเผ็ดร้อน ว่าถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่เราควรจะรู้ตัวสักทีว่า หน่วยรบรัสเซียจำนวนมากอยู่ในสภาพไม่พร้อมรบ และยังยึดติดอยู่กับภาพความเกรียงไกรในอดีต จนทำให้ตามไม่ทันว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน
...
กระนั้นสื่อรัสเซียยังมองด้วยว่า การสูญเสียเมืองลีมาน อาจเป็นการเรียกสติกองทัพรัสเซีย เฉกเช่นในปี 2484 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รัสเซียเรียนรู้ความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปเมื่อเผชิญกับกองทัพเยอรมนี นำบทเรียนที่แพ้และชนะมานั่งประชุมวิเคราะห์แก้ไข ปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ส่วนผู้บัญชาการที่หัวโบราณ ทำอะไรเดิมๆ จำเป็นต้องถูกโยกย้ายออกไปตามระเบียบ.
“ตุ๊ ปากเกร็ด”