วงแหวนที่หมุนรอบเส้นศูนย์สูตรของดาวเสาร์หมุนด้วยความเอียงมุม 26.7 องศาเมื่อเทียบกับระนาบที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ บรรดานักดาราศาสตร์ต่างสงสัยว่าความเอียงเกิดจากปฏิสัมพันธ์ของแรงโน้มถ่วงของดาวเสาร์กับดาวเนปจูนเพื่อนบ้านแต่เมื่อเร็วๆนี้ แบบจำลองใหม่ของนักดาราศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ในสหรัฐอเมริกา และสถาบันอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าในขณะที่ดาวเคราะห์ทั้ง 2 ดวงมีจังหวะพร้อมกัน แต่ดาวเสาร์ก็รอดพ้นจากการดึงของเนปจูน ทีมนักดาราศาสตร์ตั้งสมมติฐานและทำการทดสอบอย่างละเอียด เพื่อหาคำตอบว่าอะไรเป็นสาเหตุของการเอียงของดาวเคราะห์มีวงแหวนดวงนี้ ซึ่งได้คำตอบก็คือดวงจันทร์ที่หายไป ทีมงานได้เสนอแนวคิดว่าดาวเสาร์ ที่ปัจจุบันมีดวงจันทร์บริวารถึง 83 ดวง ครั้งหนึ่งเคยมีบริวารดวงพิเศษที่ชื่อว่าคริสซาลิส (Chrysalis) เชื่อว่าโคจรรอบดาวเสาร์เป็นเวลาหลายพันล้านปี แต่เมื่อประมาณ 160 ล้านปีก่อน คริสซาลิสเริ่มไม่เสถียรและโคจรเข้ามาใกล้ดาวเคราะห์แม่ของตนมากเกินไป และในการเผชิญหน้ากันก็ผลักดวงจันทร์ออกจากดาวเสาร์ ผลก็คือทำให้ดาวเสาร์รอดเงื้อมมือของดาวเนปจูน แต่ก็อยู่ในสภาพเอียงจนมาถึงปัจจุบันส่วนชะตากรรมของดวงจันทร์คริสซาลิสนั้น นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าในขณะที่ร่างอันแหลกสลายของดวงจันทร์ดังกล่าว ส่วนใหญ่อาจกระเด็นพุ่งไปที่ดาวเสาร์ ขณะที่เศษเสี้ยวของคริสซาลิสบางส่วนอาจยังคงลอยอยู่ในวงโคจร จนในที่สุดก็แตกเป็นชิ้นน้ำแข็งเล็กๆไปสร้างเป็นวงแหวนอันเป็นเอกลักษณ์ของดาวเคราะห์.Credit : NASA/JPL-Caltech/Space Science Institute