“ปีเตอร์ ลินซ์” เป็นหนึ่งในตำนานผู้จัดการกองทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก สร้างสถิติไว้ลือลั่นด้วยการเอาชนะดัชนี S&P 500 ได้ถึง 11 ปี จากทั้งหมด 13 ปี โดยทำผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 29% ต่อปี และไม่เคยขาดทุนแม้แต่ปีเดียว หลักการลงทุนระดับเทพของเขาคือ เน้นการเฟ้นหาหุ้น 10 เด้ง ด้วยการใช้ความได้เปรียบของ “เงินโง่” เลือกหุ้นจากการสังเกตสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวและพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน แล้วนำมันมาสร้างความได้เปรียบในการลงทุน

ก่อนจะใช้ “เงินโง่” ให้ทำงาน “ลินซ์” บอกว่า ต้องเข้าใจก่อนว่าหุ้นที่จะลงทุนมีธรรมชาติเป็นอย่างไร เขาแบ่งหุ้นออกเป็น 6 ประเภทคือ หุ้นโตช้า, หุ้นแข็งแกร่ง, หุ้นโตเร็ว, หุ้นวัฏจักร, หุ้นฟื้นตัว และหุ้นทรัพย์สินมาก เขามักทำเงินมหาศาลจากการลงทุนได้ถูกจังหวะในหุ้นโตเร็วและหุ้นวัฏจักร

กฎเหล็กข้อแรกของการลงทุนให้ประสบความสำเร็จคือ “เลิกฟังมืออาชีพซะ” จากประสบการณ์กว่า 2 ทศวรรษ ในการบริหารกองทุนฟิเดลลิตี้แม็คเจลลัน ทำให้เขาค้นพบว่า คนธรรมดาที่ใช้ความคิดตามปกติที่ 3% ของสมอง สามารถเลือกหุ้นได้ดีพอหรือดีกว่า ผู้เชี่ยวชาญในวอลล์สตรีท

เรียกได้ว่า “เงินฉลาด” ไม่ค่อยจะฉลาดจริง และ “เงินโง่” ก็ไม่ได้โง่อย่างที่คิด “เงินโง่” จะโง่ก็เฉพาะ เมื่อมันฟัง “เงินฉลาด” มากเกินไป

ในทัศนะของเขาเชื่อว่า “นักลงทุนมือสมัครเล่น” มีข้อได้เปรียบที่ซ่อนอยู่โดยไม่รู้ตัว ขอเพียงรู้จักหมั่นสังเกตสิ่งต่างๆที่อยู่ใกล้ตัวและพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน

เมื่อตัดสินใจลงทุนหุ้นด้วยตนเอง ไม่พึ่งพาผู้จัดการกองทุน สิ่งแรกที่ควรทำคือ เลิกฟังข่าวลือ เลิกฟังคำแนะนำจากโบรกเกอร์ และเลิกมองหาหุ้นเด็ดจากสื่อธุรกิจทุกช่องทาง หมายความว่า แม้จะได้ข่าวว่าเซียนหุ้นหมื่นล้านกำลังเข้าซื้อหุ้นตัวไหน ก็จะไม่ทำตัวเป็นแมงเม่าวิ่งไล่ตามเซียน เหตุผลที่ไม่ควรสนใจซื้อหุ้นตามเซียนทั้งหลาย “ลินซ์” ชี้ว่า เซียนอาจเลือกหุ้นผิด หรือถ้าเซียนเลือกหุ้นถูก คุณก็ไม่มีทางรู้ว่าเซียนจะเปลี่ยนใจเทขายหุ้นทิ้งเมื่อไหร่ถ้าไม่อยากกลายเป็นเม่าติดดอย ก็ควรทำการบ้านและติดตามลูกๆในพอร์ตด้วยตัวเอง

...

ในชีวิตของ “ปีเตอร์ ลินซ์” มีอยู่หลายครั้งที่เขาเจอ “หุ้น 10 เด้ง” จากการสังเกตสิ่งต่างๆใกล้ตัวและได้คำแนะนำดีๆจากภรรยาผู้ไม่ประสีประสาด้านการลงทุน หลายคนอาจคิดว่า “หุ้น 10 เด้ง” คงเกิดจากการซื้อหุ้นเก็งกำไรตัวเล็กๆที่มีความเสี่ยงสูง แต่เอาเข้าจริงๆมี “หุ้น 10 เด้ง” มาจากบริษัทที่พวกเราคุ้นเคยในชีวิตประจำวันเป็นอย่างดี เป็นสินค้าที่พวกเราชื่นชอบและใช้บริการอยู่เป็นประจำ เช่น Dunkin’ Donuts, Wall-Mart, Stop & Shop, Subaru, Toys R Us, The Gap, Apple, Taco Bell และ Volvo

อย่ามองข้ามพลังของความรู้แบบชาวบ้าน!! หุ้นถุงน่องสตรีอย่าง “L’eggs” ของบริษัท “Hanes” ที่กลายเป็นสินค้าอุปโภคยอดนิยมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในยุคทศวรรษ 1970 ถูกค้นพบโดยภรรยาของ “ลินซ์” ระหว่างไปจ่ายตลาดในซุปเปอร์มาร์เกต มันถูกแขวนอยู่บนราวโลหะเดียวกับหมากฝรั่งและมีดโกนหนวด ตรงเคาน์เตอร์ทางออกคิดเงิน โดยบรรจุอยู่ในพลาสติกรูปไข่สะดวกพกพา ภรรยาของ “ลินซ์” ไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิเคราะห์สิ่งทอ แต่สิ่งที่เธอต้องทำคือ ซื้อถุงน่องสักคู่และมาลองใส่ดู แล้วคิดวิเคราะห์แยกแยะด้วยตัวเองว่ามันดีหรือไม่ดี งานนี้กองทุนของ “ลินซ์” ได้กำไรถึง 6 เด้ง จากการซื้อหุ้นถุงน่อง ก่อนจะถูกเทกโอเวอร์โดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง “Sara Lee” ซึ่ง “ลินซ์” เชื่อว่า หุ้นถุงน่องอาจกลายเป็นหุ้น 50 เด้ง ถ้าไม่ถูกซื้อกิจการ

หลายๆบ้านที่ “สามี” ผูกขาดการเป็นนักลงทุนและทำท่าขึงขัง อ้างบทวิเคราะห์สารพัดเพื่อเลือกเฟ้นหุ้นเด็ดในกลุ่มอุตสาหกรรมมาแรง ลองหันมาฟังภรรยาและลูกๆของคุณบ้าง พวกเขาคือผู้บริโภคตัวจริงที่ออกไปเดินสำรวจตลาด อย่าดูถูกสัญชาตญาณของมนุษย์เมียที่ไม่รู้เรื่องเงินๆทองๆ!!

มิสแซฟไฟร์