ฟิลิปปินส์เป็นอาณานิคมของสเปนตั้งแต่ ค.ศ.1571 จนถึง ค.ศ.1899 สเปนแพ้สงครามกับสหรัฐฯ จึงต้องยกฟิลิปปินส์ให้เป็นอาณานิคมของสหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ได้รับเอกราชสมบูรณ์เมื่อ 4 กรกฎาคม 1946 ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศชื่อนายโรซาส ตามด้วยนายแมกไซไซ หลังจากแมกไซไซประสบเหตุเครื่องบินตก นายเฟอร์ดินานด์ อี. มาร์กอส ก็ได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อมา
21 สิงหาคม 1971 มาร์กอสใช้อำนาจเผด็จการล้มอำนาจศาล โดยอ้างว่าฟิลิปปินส์ถูกภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ จึงจำเป็นต้องประกาศกฎอัยการศึก มาร์กอสใช้คำว่าคอมมิวนิสต์กำจัดคู่แข่งทางการเมืองบ่อยมาก ในยุคที่มาร์กอสเรืองอำนาจ มีดาวเด่นทางการเมืองที่พอจะทอแสงแข่งกับมาร์กอสคนหนึ่งชื่อนายเบนิโย อาควิโน มาร์กอสกำจัดคู่แข่งคนนี้ด้วยการโยนคดีอาญาใส่ ว่าอาควิโนข่มขืนผู้หญิง และมีอาวุธเถื่อนไว้ในครอบครอง มีโทษถึงประหารชีวิต
นายอาควิโนถูกจำคุก 7 ปีครึ่ง จึงออกนอกประเทศไปลี้ภัยในสหรัฐฯนาน 3 ปี พอกลับถึงฟิลิปปินส์ในวันที่ 21 สิงหาคม 1983 ก็ถูกยิงจนตายในสนามบิน การเมืองฟิลิปปินส์ตอนนั้นวุ่นวายมาก ประชาชนออกมาเดินขบวนขับไล่ประธานาธิบดีของตัวเอง ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 1986 นายมาร์กอสชนะอีก ประชาชนจึงออกมาต่อต้านกันทั่วประเทศ รัฐมนตรีกลาโหมและทหารจึงทำการปฏิวัติโค่นอำนาจรัฐบาลนายมาร์กอส และให้นางคอราซอน อาควิโน เป็นหัวหน้ารัฐบาลชั่วคราว
26 กุมภาพันธ์ 1986 มาร์กอสและบริวารหนีออกจากฟิลิปปินส์ลี้ภัยไปเกาะฮาวาย ทำให้อำนาจของรัฐบาลมาร์กอสที่ปกครองฟิลิปปินส์มายาวนานถึง 20 ปีเต็มสิ้นสุดลง มาร์กอสเสียชีวิตด้วยโรคไตวายที่เกาะฮาวายเมื่อ ค.ศ.1989
หลังจากมาร์กอสไปแล้ว นางคอราซอน อาควิโน ภรรยาหม้าย ของนายอาควิโนชนะเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี ห้วงช่วง 4 ปีที่ดำรงตำแหน่ง นางอาควิโนโดนทหารปฏิวัติรัฐประหารไม่น้อยกว่า 6 ครั้ง แต่เธอก็สามารถปราบกบฏได้อย่างสำเร็จเด็ดขาดทุกครั้ง ทหารฟิลิปปินส์ในยุคโน้นแตกเละตุ้มเป๊ะเป็น 3 พวกคือ พวกที่ภักดีต่อตระกูลมาร์กอส กลุ่มทหารปฏิรูปที่โค่นอำนาจมาร์กอส และกลุ่มทหารที่ภักดีต่อนางอาควิโน
...
การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่มีขึ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม 2022 นายมาร์กอสจูเนียร์ไม่ได้เสนอนโยบายอะไรเป็นเรื่องเป็นราว แต่แกเน้นที่ความปรองดองสมานฉันท์ เพราะในห้วงช่วงหลายปีที่ผ่านมา สังคมฟิลิปปินส์ทุกระดับชั้นแตกเละตุ้มเป๊ะและแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายจนยากที่จะมีความสามัคคีปรองดอง เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไป 36 ปี ความขัดแย้งนั้นก็ยังอยู่ เป็นเวลานานเกือบ 4 ทศวรรษ ที่ประชาชนเบื่อเรื่องความแตกแยก
ประชาชนคนบางพวกโจมตีพ่อของนายมาร์กอสจูเนียร์ในด้านการเป็นเผด็จการและคอร์รัปชัน แต่นายมาร์กอสจูเนียร์ปฏิเสธและไม่เข้าร่วมการดีเบตในเวทีต่างๆ ประชาชนคนที่นิยมชมชอบครอบครัวมาร์กอสมักจะรำลึกนึกถึงความสุขสบายในยุคที่มาร์กอสครองประเทศ เพราะในยุคก่อนตอนโน้น ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่รุ่งเรือง ฟิลิปปินส์ยืนอยู่แถวหน้าสุดของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้แต่ด้านการศึกษา ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว ใครอยากได้ชื่อว่าจบการศึกษาที่ได้มาตรฐานสูง ก็ต้องไปจบจากสาธารณรัฐฟิลิปปินส์
คนฟิลิปปินส์ใฝ่ฝันปรารถนาว่า ถ้าทายาทของตระกูลมาร์กอส กลับมาเป็นผู้นำประเทศ ความรุ่งเรืองเฟื่องฟุ้งของฟิลิปปินส์จะกลับมา การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ ผมว่าเป็นการสมานประโยชน์ของตระกูลมาร์กอสกับตระกูลดูเตร์เตมากกว่า คดีความมากมายหลายอย่างของมาร์กอสรุ่นพ่อแม่ยังไม่จบ ในยุคของดูเตร์เต คดีเหล่านี้ถูกเก็บเงียบ ไม่มีการรื้อฟื้นขึ้นมา
หลังจากดูเตร์เตพ้นจากประธานาธิบดี ก็อาจจะมีการขุดคุ้ยเรื่องราวบานเบอะเยอะแยะขึ้นมาร้องเรียน โดยเฉพาะปัญหาสิทธิมนุษยชนและปัญหาอื่นๆ ถ้าตระกูลมาร์กอสขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี คดีต่างๆของดูเตร์เตก็คงจะเงียบเช่นกัน.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com