สงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าโลก แต่ยังส่งผลให้ อุตสาหกรรมผลิตอาวุธสงคราม และ ธุรกิจการค้าอาวุธสงคราม กลับมาคึกคักอีกครั้ง ทำให้ประเทศส่งออกอาวุธหลักอย่าง สหรัฐอเมริกา ยุโรป ต่างแฮปปี้กันทั่วหน้า ยิ่งเกิดสงครามและความตึงเครียดขึ้นตามภูมิภาคทั่วโลกมากเท่าไหร่ สหรัฐฯก็ยิ่งขายอาวุธสงครามได้มากขึ้นเท่านั้น เลยทำให้ประเทศผู้ผลิตอาวุธสงครามในยุโรปและเอเชีย ต่างกระโจนเข้าสู่ธุรกิจการผลิตอาวุธสงครามกันมากมาย

ทุกครั้งที่เศรษฐกิจโลกถดถอย ดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมอาวุธสงครามจะเฟื่องฟู

นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯมุ่งมั่นที่จะจัดหาอาวุธที่จำเป็นให้กับยูเครน เพื่อป้องกันการคุกคามจากรัสเซีย คณะทำงานของ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ จะส่งอาวุธเพิ่มเติมไปยังยูเครน เพื่อป้องกันไม่ให้รัสเซียยึดดินแดนและโจมตีพลเมืองเพื่อก่ออาชญากรรมได้อีก

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐฯได้ให้การช่วยเหลือทางการทหารยูเครนไปแล้ว 1,700 ล้านดอลลาร์ ราว 57,000 ล้านบาท นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ การจัดส่งอาวุธดังกล่าวมีทั้ง ระบบต่อต้านอากาศยานสติงเจอร์ (Stinger) ระบบต่อต้านรถหุ้มเกราะแจฟลิน (Javelin) รวมทั้งกระสุนและชุดเกราะ แต่ ประธานาธิบดีเซเลนสกี ผู้นำยูเครน ก็ยังกดดัน ให้ผู้นำสหรัฐฯและยุโรป จัดหาอาวุธหนักให้ยูเครนรับมือกับรัสเซียในภูมิภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งคาดว่ารัสเซียจะโจมตีรุนแรงมากขึ้น

วารสาร การเงินธนาคาร ฉบับเดือนพฤษภาคม ที่กำลังวางแผง รายงานใน World Exclusive ว่า เกาหลีใต้ ยุค อดีตประธานาธิบดี มุนแจอิน ที่เพิ่งครบเทอม ก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ส่งออกอาวุธสงคราม ปลายปีที่แล้ว อดีตประธานาธิบดีมุนสามารถขายระบบยิงขีปนาวุธมูลค่า 3,500 ล้านดอลลาร์ ต้นปีนี้ นายมุนก็สามารถปิดดีลขายอาวุธหนักให้อียิปต์ 1,700 ล้านดอลลาร์ และ ขายอาวุธประเภทเดียวกันให้ออสเตรเลียอีก 700 ล้านดอลลาร์ ทำให้ปี 2021 เกาหลีใต้ส่งออกอาวุธสงครามเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า และรัฐบาลเกาหลีใต้ยังได้เพิ่มงบค่าใช้จ่ายด้านทหารสูงเป็นอันดับ 10 ของโลก คิดเป็น 12.4% ของงบประมาณปี 2020 และคิดเป็น 2.8% ของจีดีพี สูงกว่าอังกฤษที่ 2.2% ของจีดีพี

...

การพัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธของเกาหลีใต้ มีสหรัฐฯเป็นพี่เลี้ยง ได้ร่วมกันแบ่งปันเทคนิคใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตในเกาหลีใต้ได้รับความนิยมจากประเทศลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีคุณภาพไม่แพ้ชาติตะวันตก แต่ราคาย่อมเยากว่า

จากข้อมูล Arms Export ปี 2020 สหรัฐฯครองอันดับ 1 ประเทศผู้ส่งออกอาวุธมากที่สุดในโลก อันดับ 2 รัสเซีย อันดับ 3 ฝรั่งเศส อันดับ 6 เกาหลีใต้ และ ประเทศที่สหรัฐฯขายอาวุธให้มากที่สุดอันดับ 1 ซาอุดีอาระเบีย รองมา ออสเตรเลีย กาตาร์ อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้

ตราบใดที่ โลกยังแบ่งออกเป็น 3 ขั้ว เพื่อขยายอำนาจทางเศรษฐกิจและทหารด้วยความโลภ ตราบนั้นอาวุธก็จะขายดี อุตสาหกรรมอาวุธก็จะเติบโต สร้างความร่ำรวยให้กับพ่อค้าอาวุธมากมาย แต่สังคมโลกกลับถูกทำลายยับเยิน สงครามไม่เคยมีผลดี มีแต่สร้างความหายนะทั้งของประเทศและประชาชน ผู้นำประเทศที่ก่อให้เกิดสงคราม ล้วนต้องถูกประณามเป็นฆาตกร ไม่ว่า รัสเซีย ยูเครน สหรัฐฯ อังกฤษ ยุโรป ฯลฯ

หมายเหตุ จากบทความเรื่อง “She-Economy อำนาจเศรษฐกิจของผู้หญิง” ผมได้อ้างอิงข้อมูลจาก Mintel ตอนหนึ่งว่า “ผู้หญิงกว่า 51% เป็นผู้ซื้อสินค้าและใช้บริการจัดส่งอาหารออนไลน์และแอปพลิเคชันเป็นประจำ...” บริษัท อินโฟเควสท์ จำกัด ได้ชี้แจงมาว่า “ข้อมูลจากที่ผลสำรวจระบุคือ แนวคิดเรื่องความงามตามธรรมชาติเพื่อคุณค่าและความมั่นใจในตัวเอง เป็นประเด็นสำคัญมากยิ่งขึ้นสำหรับผู้บริโภคผู้หญิงกว่าครึ่งหรือ 51%” รับทราบตามนี้นะครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”