หลังจากโดนคว่ำบาตรขนานใหญ่จากสหรัฐฯและตะวันตกครั้งล่าสุด ก็ฉุดให้ค่าเงินรูเบิลตกลงอย่างหนัก รัฐบาลรัสเซียแก้เกมโดยให้ธนาคารกลางรัสเซียขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบฉุกเฉินจากร้อยละ 9.5 เป็นร้อยละ 20 สูงที่สุดในรอบ 20 ปี เพื่อประคับประคองระบบการเงินของตน เมื่อศุกร์ 8 เมษายน 2022 ธนาคารกลางรัสเซีย ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 17 นี่คือสัญญาณให้เห็นว่าเสถียรภาพทางการเงินของรัสเซียเริ่มดีขึ้นบ้าง
ศุกร์ 8 เมษายน 2022 เช่นกัน เงินสกุลรูเบิลของรัสเซียก็แข็งค่าอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 72 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และ 77 รูเบิล
ต่อยูโร หากย้อนไปเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม 2022 ค่าเงินรูเบิลร่วงรูดมหาราชไปมากถึง 154 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และ 164 รูเบิลต่อยูโร ทำให้ในขณะนี้ ค่าเงินรูเบิลแข็งค่าสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021 และแข็งค่าสุดเมื่อเทียบกับยูโร นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020
สหรัฐฯและชาติตะวันตกพยายามลงโทษรัสเซียซ้ำๆ โดยเฉพาะการคว่ำบาตรอย่างรุนแรงหลายขนาน อย่างการอายัดทองคำและทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียเกือบครึ่งหนึ่งกว่า 6.06 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (20.3 ล้านล้านบาท) แม้กระทั่งการยึดทรัพย์สินของกลุ่มนักธุรกิจรัสเซียที่ใกล้ชิดปูติน หรือการระงับให้บริการชำระเงินระหว่างประเทศของวีซ่าและมาสเตอร์ รวมทั้งการไล่ธนาคารรายใหญ่ของรัสเซียออกจากระบบ SWIFT ที่เชื่อมโยงสถาบันการเงินต่างๆ มากกว่า 1.1 หมื่นแห่ง ครอบคลุมมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก และอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างสาธยายกันไม่หมด โดยเชื่อว่ามาตรการเข้มข้นเหล่านี้ จะทำให้เศรษฐกิจรัสเซียพังโดยฉับพลันทันที
แต่แล้วสหรัฐฯและพวกก็ต้องฉงนงงงวย ด้วยถึงปัจจุบันทุกวันนี้เศรษฐกิจรัสเซียไม่พังอย่างที่คิด แม้ว่าสหรัฐฯและอังกฤษจะแท็กทีมห้ามนำเข้าน้ำมัน ก๊าซ รวมทั้งพลังงานของรัสเซียทั้งหมด และอียูจะห้ามนำเข้าเหล็กจากรัสเซีย แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักก็วิเคราะห์กันว่า การคว่ำบาตรเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของรัสเซียแค่ร้อยละ 5 เท่านั้น
...
สมรภูมิรบของรัสเซีย-อูเครน (และพันธมิตรนาโต) ยังรบอย่างต่อเนื่องหนักหน่วง การต่อสู้ทางเศรษฐกิจก็ไม่มีใครยอมใคร รัสเซียโดนมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯและชาติตะวันตกเข้าไปก็เจ็บหนักไม่น้อย รัสเซียจึงตอบโต้ด้วยการบังคับให้บริษัทส่งออกทุกบริษัทต้องขายรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศร้อยละ 80 แล้วให้ซื้อรูเบิลแทน แถมยังห้ามถอนเงินสกุลต่างประเทศเกินกว่า 1 หมื่นดอลลาร์ ถอนแล้วก็ห้ามนำเงินมากกว่า 1 หมื่นดอลลาร์ออกนอกประเทศ ส่วนนักลงทุนต่างชาติก็ถูกห้ามขายทรัพย์สินต่างๆ ของตัวเองในรัสเซียอีกต่างหาก
สงครามค่าเงินคงไม่จบลงง่ายๆ ผู้อ่านท่านจำบริกส์ (BRICS) ได้ไหมครับ บริกส์เป็นอักษรย่อที่ใช้เรียกกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีการพัฒนาและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เรียกสั้นๆ คือกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ประกอบไปด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ แม้ว่ากลุ่มนี้จะไม่ได้มีการตั้งกลุ่มเศรษฐกิจหรือสมาคมการค้าอย่างเป็นทางการเหมือนสหภาพยุโรป แต่กลุ่มบริกส์มีความสัมพันธ์ที่ดีในแง่เศรษฐกิจระหว่างกัน
ศุกร์ 8 เมษายน 2022 มีการประชุมออนไลน์ของคณะรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศบริกส์ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2022 รัฐมนตรีคลังของรัสเซียบอกกับที่ประชุมว่า จากการคว่ำบาตรและบทลงโทษต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจโลกเลวร้ายลง หนำซ้ำยังทำร้ายรากฐานระบบการคลังและการเงินโลกที่อิงกับดอลลาร์สหรัฐฯ จึงอยากให้กลุ่มประเทศบริกส์ยกระดับการใช้สกุลเงินของแต่ละประเทศสำหรับการนำเข้า-ส่งออก บูรณาการระบบชำระเงิน และจัดตั้งสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของกลุ่มประเทศบริกส์ที่เป็นอิสระ
ตอนนี้รัสเซียก็พยายามแก้ปัญหาการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯและตะวันตก ด้วยการจัดตั้ง SPFS ซึ่งเป็นระบบการโอนเงินระหว่างประเทศของตนเอง (แทน SWIFT) และระบบบัตรเครดิตสำหรับการชำระเงิน MIR (เริ่มใช้มาตั้งแต่ ค.ศ.2015)
ต้องดูกันต่อไป ว่ารัสเซียจะยืนระยะได้นานแค่ไหน แต่ที่โอดโอยโหยหวนแน่ๆ คือประชาชนคนทั้งโลกที่ต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ อดอยากยากแค้น ข้าวยากหมากแพงกันถ้วนทั่วทุกตัวคน
เมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกลาญครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
pasalok1998@gmail.com