ถือเป็นความหาญกล้าของ นายวิม ฟาน ดิจก์ นักจิตวิทยาชาวเนเธอร์แลนด์ วัย 78 ปี ที่ให้สัมภาษณ์กับ นสพ. “เดอ โฟล์กกรันต์” ว่าเป็นผู้ขายยาฆ่าตัวตายให้กับคนไปแล้วกว่า 100 ราย ในราคาโดสละ 50 ยูโร หรือราว 1,900 บาท โดยไม่สนใจว่าตนเองจะติดคุก ที่อาจต้องโทษสูงสุด 3 ปี และพร้อมที่จะให้เรื่องนี้เผยแพร่ออกไป เพราะต้องการให้สังคมหยิบยกเรื่องกฎหมายการุณยฆาตในประเทศ

เพราะระยะหลังมีกลุ่มรณรงค์ออกมาต่อต้านว่าเข้มงวดเกินไปสำหรับคนที่ปรารถนาจะจบชีวิตตัวเอง จนกลายเป็นประเด็นที่เกิดข้อถกเถียงทั้งกลุ่มอิสรชน กลุ่มอนุรักษ์สายความเชื่อทางศาสนาคริสต์และสถาบันการศึกษา

ในส่วนของฟาน ดิจก์ นั้นเป็นสมาชิกกลุ่ม “Last Will Cooperative” ที่รณรงค์ให้กฎหมายนี้มีเสรีภาพมากขึ้น เป็นองค์กรที่แนะนำให้กับคนที่ต้องการจบชีวิตตัวเอง แต่ก็เริ่มมีอุปสรรคเพราะอัยการเข้าตรวจสอบตามข้อหาว่ามีคนเข้าร่วมประชุมแล้วซื้อยาพิษที่เรียกว่า “Agent X” จนนำไปสู่การจับกุมและเรียกตัวมาสอบปากคำหลายคนรวมประธานกลุ่ม

และเมื่อเดือน ก.ค. ตำรวจรวบตัวชายคนหนึ่ง ชื่อเพียงว่า “อเล็กซ์ เอส” อายุ 28 ปี ชาวเมืองไอนด์โฮเวน เป็นสมาชิกองค์กรฯ ข้อหาค้ายาและฟอกเงิน และมีอย่างน้อย 15 คนเสียชีวิต แต่ในชั้นศาล ฝ่ายอัยการเมืองเดม โบส เผยว่า ตัวเลขอาจมากกว่าหรือราว 33 ศพ เพราะอีก 18 รายอยู่ระหว่างการสอบสวน

อเล็กซ์ เอส ไม่ได้ยี่หระกับความผิดเพราะให้การโต้แย้งในชั้นศาลว่า ทุกคนควรมีสิทธิกำหนดชะตาชีวิตตัวเอง เพราะเราไม่ได้เป็นเจ้าของใคร!!!

เนเธอร์แลนด์ประเดิมเป็นชาติแรกในโลก ประกาศใช้เมื่อปี 2545 ที่มีกฎหมายดังกล่าวแต่เฉพาะผู้ป่วยระยะสุดท้าย อายุ 12 ปีขึ้นไปที่กำลังทุกข์ทรมานและต้องมีสติ สัมปชัญญะในการขอร้องแพทย์ที่ได้รับอนุญาตแล้วอย่างน้อย 2 คนเท่านั้น

...

ต่อมาไม่นานกลุ่มประเทศในยุโรปก็เดินรอยตาม ทั้งเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ลามมาถึงแคนาดา สหรัฐฯ ในบางรัฐ ออสเตรเลีย โคลอมเบีย ญี่ปุ่น และอินเดีย...รายละเอียดขึ้นอยู่กับว่า รัฐมองการ “ฆ่า” ตัวเองเพื่อหลุดพ้นความเจ็บปวดเป็นการด้อย “ค่า” ตัวเองหรือเปล่า?

ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ