เพราะชุดไทยและรัดเกล้ายอดบนศีรษะของ “น้องลิซ่า” แท้ๆที่ทำให้ผมรู้จักน้อง และเข้าไปติดตามชม MV เพลง LALISA ซิงเกิลแรกของน้องเมื่อวันที่สิบกว่าๆเดือนกันยายนอีก 2 วันต่อมาเธอให้สัมภาษณ์ว่าเธอคิดถึง “ลูกชิ้นยืนกิน” ที่บุรีรัมย์...กลับบ้านเมื่อไรจะไปยืนกินที่สถานีรถไฟให้หายคิดถึง...ทำให้ ลูกชิ้นยืนกิน โด่งดังไปทั่วประเทศไทย...พอๆกับทีมฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้นจากข่าวที่บอกว่าเธอเป็นคนเจาะจงขอแต่งชุดไทย และบ่งบอกตนเองว่าไปจากประเทศไทย...รวมทั้งยังคิดถึงลูกชิ้นบุรีรัมย์อยู่เสมอ ทำให้ผมหยิบเรื่องราวของเธอมาเขียนด้วยความชื่นชมอยู่หลายวันแต่ที่ผมยังไม่ได้เขียนก็คือข่าวที่ว่าอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมาก็มีการปล่อยเพลง “Money” ซึ่งเป็นอีกเพลงหนึ่งในอัลบั้มของเธอชุดนี้...ซึ่งเป็นเพลงแร็ป เนื้อร้องภาษาอังกฤษ ที่น้องลิซ่าทั้งร้องทั้งเต้นได้อย่างสุดยอดกลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตที่สหรัฐฯขึ้นมาอย่างมหัศจรรย์ในขณะที่ยอดวิวทั่วโลกก็พุ่งกระฉูดไล่ตามเพลง LALISA ไปห่างๆขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ เพลง LALISA ยอดวิว 247 ล้านเศษเข้าไปแล้ว น่าจะทะลุ 250 ล้านวิวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า...ส่วนเพลง Money ก็ปาเข้าไป 86 ล้านวิวเศษๆแล้ว และยังพุ่งแรงต่อไปแต่แล้วในขณะที่ยอดวิวเพลงทั้ง 2 ของน้องลิซ่ายังพุ่งไม่หยุดนั้นเอง ก็มีข่าวใหญ่ชนิด “โซเชียลลุกเป็นไฟ” เมื่อวันวานนี้ว่าน้องลิซ่าถูกค่ายเพลงต้นสังกัดของเธอ หรือบริษัท YG Entertainment รังแกและกีดกันอย่างไร้เหตุผลเพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีงานแสดงแฟชั่นโชว์ครั้งใหญ่ที่กรุงปารีส และอีก 3 สาวในวงแบล็กพิงก์ได้ไปร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ในฐานะแขกเชิญของบริษัทแฟชั่นดังๆที่ไปออกงานนี้ในขณะที่ลิซ่าถูกทอดทิ้งอยู่ที่กรุงโซล ซึ่งแรกๆแฟนๆก็ไม่ว่าอะไร เพราะอยู่ระหว่างช่วงปล่อยเพลงใหม่ของเธอทั้ง 2 เพลง แฟนๆก็คาดกันว่าเธอคงจะอยู่เพื่อเตรียมโปรโมตเพลงดังกล่าวต่อมาก็มีข่าวว่าน้องลิซ่าจะได้ตามพี่ๆร่วมวงไปปารีสด้วย และเธอก็ไปจริงๆ ทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นดีใจนึกว่าเธอจะไปร่วมงานยิ่งใหญ่งานนี้ด้วยที่ไหนได้ พอถึงปารีสลิซ่ากลับเดินทางต่อไปที่เมืองนีซ และไปเจอกับคุณแม่ของเธอที่รออยู่ที่นั่นแทนแถมซีอีโอของแบรนด์ดังยี่ห้อหนึ่งที่เธอเป็นแอมบาสเดอร์ยังออกมาโพสต์ว่า ลิซ่ามาร่วมงานนี้ไม่ได้เพราะทางค่ายเพลง YG ไม่ให้มา โดยเกรงว่าจะติดโควิด-19 ที่ยังระบาดอยู่ในปารีสเท่านั่นเองแฟนเพลงของน้องลิซ่าทั่วโลกก็ออกมาประท้วง YG ด้วยความโกรธทันทีว่าไม่ยุติธรรมและรังแกลิซ่าอีกแล้วทำไมสาวแบล็กพิงก์คนอื่นได้ร่วมงานกับแบรนด์ที่พวกเธอเป็นตัวแทนอยู่ โดย YG ไม่ยักกลัวว่าจะติดโควิดบ้างมาห้ามเฉพาะน้องลิซ่าคนเดียวส่งผลให้แฟนเพลงของลิซ่าทั่วโลกแสดงปฏิกิริยาผ่านทวิตเตอร์กันอย่างดุเดือด จนแฮชแท็กซ์เรียกร้องความเป็นธรรมให้เธอที่ว่า #YGletlisadoherwork ติดเทรนด์ระดับต้นๆในหลายประเทศแฟนเพลงบางประเทศถึงกับออกมาขู่ว่าจะแบนเพลง “แบล็กพิงก์” ไม่ฟังอีกต่อไป จะขอฟังและติดตามเพลงของลิซ่าอย่างเดียว... โดยเฉพาะแฟนกลุ่มใหญ่ของเธอที่สาธารณรัฐประชาชนจีนจะกีดกันจริงหรือไม่? หรือมีเหตุผลใด? คงจะต้องติดตามต่อไปเมื่อ 2 วันก่อน ผมดูสารคดีที่สร้างโดยแฟนเพลงฝรั่งกลุ่มหนึ่ง ทำให้ทราบว่า ก่อนจะโด่งดังอย่างทุกวันนี้ น้องลิซ่าโดนแฟนเพลงเกาหลีที่อาจจะเป็นพวกชาตินิยมจัด หรือไม่ก็พวกอิจฉาจัดเห็นว่าเธอดังกว่าคนเกาหลี โพสต์เหยียดหยามเธออย่างรุนแรงที่สุดแต่น้องลิซ่าก็ผ่านมาได้ โดยให้สัมภาษณ์ว่าคนไม่รักไม่ชอบเธอย่อมมีเป็นธรรมดา...เผอิญว่าเธอมีคนรักคนให้กำลังใจมากกว่า...ทำให้เธอรู้สึกขอบคุณและมีความเข้มแข็งที่จะสู้ต่อไปนั่งดูสารคดีชุดนี้จบ (สร้างประมาณปีที่แล้ว) ผมก็ยกนิ้วให้ด้วยความ นับถือน้ำใจและแนวคิดของเด็กไทยคนนี้เป็นที่สุดด้วยหัวใจอันแข็งแกร่งแท้ๆ ที่ทำให้น้องฝ่ากระแส “เหยียด” เหล่านั้นมาได้ และในที่สุดก็ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงเช่นทุกวันนี้ลุงขอให้กำลังใจสำหรับข่าวคราวที่กำลังดราม่าปุดๆ ขณะนี้นะครับหลานลิซ่า...และเชื่อว่าด้วยหัวใจอันแข็งแกร่งดวงเดิมจะทำให้หลานฝ่าพายุลูกนี้ไปได้เหมือนเช่นทุกๆพายุที่ผ่านมา.“ซูม”