เป็นที่รู้กันมานานเกี่ยวกับทฤษฎีการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ ที่กล่าวกันว่าดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลกเมื่อ 66 ล้านปีก่อน ทำให้เกิดแผ่นดินไหว สึนามิ และไฟป่า ตามมาด้วยความมืดมิดปกคลุมทั่วนานกว่าทศวรรษ เมื่อฝุ่นเถ้าบดบังแสงจากดวงอาทิตย์ จนพืชและสัตว์ประมาณ 76% ล้มหาย ตายจากไปเมื่อเร็วๆนี้ ทีมวิจัยนำโดย ดร.แคทเธอรีน ไคลน์ จากมหาวิทยาลัยบาธ ในอังกฤษ เผยผลวิจัยใหม่ระบุว่า ท่ามกลางสภาวะที่สัตว์และพืชส่วนใหญ่ตายไป สภาพแวดล้อมที่ห่วงโซ่อาหารล่มสลาย แต่ “งู” จำนวนหนึ่งกลับรอดชีวิตและสามารถเจริญเติบโตได้ในโลกหลังหายนะครั้งนั้น เพราะพวกมันซ่อนตัวอยู่ใต้ดินได้เป็นเวลานานโดยไม่มีอาหารก็รอดได้ และโต้ตอบกับสิ่งแวดล้อมในรูปแบบใหม่ นักวิจัยมองว่าถ้าหากไม่มีดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก งูเงี้ยวเหล่านี้คงไม่สามารถสืบทอดเผ่าพันธุ์ของตนมาถึงทุกวันนี้ก็เป็นได้ ทีมวิจัยเผยว่า ความหลากหลายของงูยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น งูต้นไม้ งูทะเล งูเห่า และงูโบอา เกิดขึ้นหลังจากการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่เท่านั้น การวิจัยยังพบหลักฐานของการเพิ่มขึ้นอย่างมากของงูเป็นครั้งที่ 2 ในช่วงเวลาที่โลกเปลี่ยนจากสภาวะ “Hothouse Earth” ที่ร้อนเหมือนเตาอบไปสู่สภาพอากาศที่เย็นลงและมีการก่อตัวของน้ำแข็งขั้วโลกพร้อมกับการเริ่มต้นของยุคน้ำแข็ง.