เมื่อปี พ.ศ.2545 ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเมอร์ด็อกและมหาวิทยาลัยฟลินเดอร์ส ในออสเตรเลีย ขุดค้นพบซากกระดูกของจิงโจ้โบราณขนาดใหญ่ 2 ตัว น้ำหนัก 60 กิโลกรัม เป็นเพศผู้และเพศเมีย ที่ถ้ำไทลาโคลีโอ ตั้งอยู่ในที่ราบนัลลาร์บอร์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย ล่าสุดการตรวจสอบกระดูกซากจิงโจ้ดังกล่าว ก็พบว่าพวกมันเป็นของสายพันธุ์ที่ไม่รู้จักมาก่อน แต่ระบุได้ว่าเป็นจิงโจ้ชนิดที่ปีนป่ายอยู่บนต้นไม้ได้ การค้นพบว่าพวกมันอาศัยอยู่บนต้นไม้นอกจากจะอยู่บนพื้นดิน ทำให้นักวิจัยตั้งชื่อสายพันธุ์ใหม่นี้ว่า Congruus kitcheneri ซึ่งลักษณะทางกายวิภาคของมันก็ไม่เหมือนพันธุ์ Wallabia kitcheneri ที่รู้จักกันดี Congruus kitcheneri ที่พบใหม่นี้มีนิ้วมือและนิ้วเท้าที่ยาวผิดปกติ ทั้งยังมีกรงเล็บยาวและโค้งงอเมื่อเทียบกับจิงโจ้ชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีกล้ามเนื้อแขนที่เต็มไปด้วยพละกำลังสำหรับช่วยยกและยึดตัวเองบนต้นไม้ มีคอที่ยาวกว่าและเคลื่อนที่ได้มากกว่าจิงโจ้ตัวอื่น สามารถยื่นศีรษะไปในทิศทางต่างๆ เพื่อปีนไต่บนต้นไม้การค้นพบนี้ไม่ธรรมดาเพราะหากพิจารณาว่าที่ราบนัลลาร์บอร์สมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์นั้นเป็นที่ราบสูงหินปูนอันกว้างใหญ่เชื่อมระหว่างออสเตรเลียตะวันตกและออสเตรเลียใต้ ซึ่งก่อนหน้านี้เชื่อกันว่าไม่มีต้นไม้มานานหลายล้านปี การพบกระดูกจิงโจ้ต้นไม้บนที่ราบแห่งนี้จึงท้าทายความเชื่อที่ว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่มีต้นไม้ ซึ่งจะให้ข้อมูลใหม่ๆ ในการทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปของออสเตรเลียตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา.