วันก่อนรัฐบาลอังกฤษเผยแพร่รายชื่อฉบับเต็ม ประเทศที่ได้รับการผ่อนผันให้เดินทางเข้าอังกฤษ เวลส์ ไอร์แลนด์เหนือ ได้โดยไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน เริ่ม 10 ก.ค.เป็นต้นไป
โดยภูมิภาคยุโรปคือ ออสเตรีย เบลเยียม โครเอเชีย ไซปรัส สาธารณรัฐเชก เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี อิตาลี ลิกเตนสไตน์ ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก โมนาโก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ เซอร์เบีย สเปน สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี นครรัฐวาติกัน
ขณะที่ภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเวียดนาม ซึ่งถือเป็นลิสต์ที่ค่อนข้างสั้น ส่วนภูมิภาคอเมริกาทั้งหมด ไม่ว่าจะสหรัฐอเมริกา แคนาดา หรือชาติอื่นๆในอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ยังไม่ได้รับการผ่อนผันแต่อย่างใด
รวมทั้งหมดแล้วครอบคลุม 59 ประเทศและเขตปกครอง ผิดจากที่แหล่งข่าวคาดไว้เบื้องต้นประมาณ 70 ประเทศ พร้อมมีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า หากเดินทางมาจากประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อเหล่านี้ และไม่อยากถูกกัก 14 วันในอังกฤษ ก็ขอแนะนำให้เดินทางไปยังประเทศที่อยู่ในรายชื่อ และอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 4 วัน จึงค่อยเดินทางมาอังกฤษ และทำการกักตัวเองเพียง 10 วัน
ทั้งมีเงื่อนไข หากมีการแวะเปลี่ยนเครื่องในประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อ ก็มีสิทธิได้รับการผ่อนผันการกักบริเวณตัวเองเช่นกัน ในกรณีที่ 1.ไม่มีผู้โดยสารชุดใหม่ขึ้นเครื่องมาด้วย 2.ไม่มีผู้โดยสารชุดเก่าออกไปนอกสนามบิน และกลับมาขึ้นเครื่อง นอกเหนือจากนั้น ไม่รอดการถูกกักบริเวณ 14 วัน เมื่อเดินทางถึงอังกฤษ
เรื่องนี้อาจตั้งข้อสงสัยได้ว่า แล้วทำไมประเทศไทยไม่ได้รับการผ่อนผัน ทั้งที่ปลอดการระบาดในประเทศเป็นเวลาเดือนกว่า แต่ทั้งหมดทั้งปวงต้องอย่าลืมว่า อังกฤษยังถือเป็นชาติที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อเนื่อง อย่างวันที่ 9 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 630 คน วันที่ 8 ก.ค. 581 คน วันที่ 7 ก.ค. 352 คน วันที่ 6 ก.ค. 516 คน วันที่ 5 ก.ค. 624 คน ไม่ได้มีอะไรรับรองเลยว่า ไปแล้วจะไม่ติดเชื้อกลับมา
...
ดังนั้นจึงขอมองว่า เป็นการดีเสียด้วยซ้ำ จะได้ไม่ต้องเอาตัวไปเสี่ยงกับเขา เดินทางไปเที่ยวในประเทศของเรา ชมลิงเก็บมะพร้าวน่าจะสบายใจกว่า.
ตุ๊ ปากเกร็ด