เรียกได้ว่าลำบากกันไปทุกหย่อมหญ้า จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านทั่วไป หรือชนชั้นบริหารบ้านเมือง ต่างตกอยู่ในความเสี่ยงที่ไม่ต่างกันนัก
ดังคำเตือนขององค์การอนามัยโลกว่า ไวรัสไม่รู้จักพรมแดน จำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องเร่งเข็นมาตรการสกัดกั้นไวรัสให้ได้มากที่สุด ซึ่งกรณีนี้ล่าสุดก็เป็นสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย แห่งสหประชาชาติ (UNHCR) กำลังเร่งแผนเตรียมความพร้อม ป้องกัน และตอบสนองต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ลี้ภัยทั่วโลก
โดยมองว่าจากที่มีรายงานการติดเชื้อในเกือบ 150 ประเทศทั่วโลก จึงเป็นการสมควรที่จะคิดเผื่อไว้ล่วงหน้า เพราะผู้ลี้ภัยที่มีอยู่ทั่วโลกกว่า 70 ล้านคน จำนวนไม่น้อยเป็นผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากไวรัส และส่วนมากจะอาศัยอยู่ในพื้นที่หนาแน่น หรือจุดที่สาธารณสุขและบริการต่างๆมีจำกัด
นายฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยว่า ข้อมูลที่ได้รับในขณะนี้ “ยังไม่มีรายงานการติดเชื้อในกลุ่มผู้ลี้ภัย” แต่ไวรัสส่งผลกระทบถึงทุกคน ซึ่ง UNHCR ได้พัฒนาแผนรองรับมาจากประสบการณ์ตรงในการทำงานช่วงสถานการณ์ระบาดของโรคซาร์ส อีโบลา และไข้หวัดใหญ่
ช่วงเวลานี้การสื่อสารถือเป็นเรื่องสำคัญ เรา ได้มีการแนะนำพื้นที่การทำงานในทุกประเทศให้เตรียม แผนและแนวทางในการให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและหน่วยงานพันธมิตร กระทรวงสาธารณสุขไปจนถึง องค์การอนามัยโลก มอบความช่วยเหลือในการเฝ้าระวังการแพร่ระบาด จัดทำรายงาน ติดตามตัวบุคคล
...
พร้อมให้คำแนะนำสำหรับพื้นที่การทำงานทั้งหมดให้ตรวจสอบคลังยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ชุดอุปกรณ์สำหรับป้องกันตนเองให้มีเพียงพออยู่เสมอ รวมถึงสื่อสารต่อชุมชนผู้ลี้ภัย เรื่องสุขอนามัย มีการแปลภาษาท้องถิ่นและปรับใช้ ให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ เริ่มนำร่องแล้วทั้งในอิหร่าน บังกลาเทศ อิรัก และเคนยา
ถึงกระนั้นประเมินความจำเป็นทั้งหมดแล้ว การเตรียมแผนตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 ต้องการงบประมาณที่สูงถึง 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเป็นเงินไทยก็ราว 1,000 ล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ หากคิดว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็เข้าร่วมบริจาคได้ที่เว็บไซต์ของ UNHCR หรือลิงก์ unh.cr/5e6b2c560 ส่วนใครจะมองว่ามันใช่เวลาไหม ก็ไม่เป็นไรครับงานนี้เป็นเรื่องทำบุญล้วนๆ.
ตุ๊ ปากเกร็ด