Mikhail Mishustin
ประชากรรัสเซียทั้ง 146.8 ล้านคนที่อยู่ในพื้นที่ 17 ล้าน ตารางกิโลเมตร ยังไม่มีใครโดดเด่นพอที่จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแทนวลาดิมีร์ วลาดิมิโรวิช ปูติน ได้เลยครับ กระแสของคนรัสเซียมีอยู่ 2 พวก พวกแรกอยากให้คนอื่นมาเป็นประธานาธิบดีแทนปูติน แต่เมื่อถูกสอบถามว่าใครเหมาะสม คนที่อยากให้ปูตินลงจากเก้าอี้ ก็ไม่สามารถตอบได้
ส่วนพวกที่สอง บอกว่าเป็นห่วงชาติบ้านเมือง เพราะรัสเซียเป็นมหาอำนาจชาติใหญ่ มีอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก มีพื้นที่กว้างขวางใหญ่โตที่สุดในโลก หากได้คนที่ฝีมือไม่ถึงมาเป็นผู้นำ สาธารณรัฐและเขตปกครองตนเองหลายแห่งก็อาจจะแตกกระจัดพลัดพรายกลายเป็นชาติใหม่ตามความต้องการของมหาอำนาจชาติตะวันตก คนกลุ่มนี้ยังต้องการปูตินเป็นผู้นำประเทศต่อไป แต่ในความเป็นจริงนะครับ ยิ่งปูตินอยู่นาน ผู้นำคนอื่นๆก็ไม่มีโอกาส แสดงฝีไม้ลายมือ
ประธานาธิบดีคนแรกของสหพันธรัฐรัสเซียคือ นายบอริส เยลต์ซิน ก็เคยมีความกังวลใจในเรื่องจะหาคนมาเป็นผู้นำแทนตนเอง เคยให้นายเยฟกินี พรีมาคอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ มาเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อ พ.ศ. 2541 นายพรีมาคอฟทำงานได้ดีมาก แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สามารถทำให้ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว อัตราเงินเฟ้อลดลงการจ้างงานเพิ่มขึ้น ตอนนั้น ประชาชนเห่อพรีมาคอฟมาก
ผมคิดว่าสิ่งที่อยู่ใต้สมองของเยลต์ซิน แกก็คงจะต้องการให้พรีมาคอฟเป็นประธานาธิบดีแทนแก แต่ต้องเป็นหลังจากที่แกตัดสินใจลงจากเก้าอี้ผู้นำอย่างเด็ดขาดแล้ว ทว่าพอได้รับเสียงเชียร์จากประชาชน พรีมาคอฟก็แสดงอาการไม่ฟังเยลต์ซิน ไม่เข้ามาปรึกษาหรือขอความเห็นจากเยลต์ซิน แถมใช้อำนาจนายกรัฐมนตรียึดองค์การกิจการรักษาความมั่นคงของสหพันธ์ให้มาอยู่ใต้การควบคุมของตัวเอง โดยให้รวมเข้ากับกระทรวงมหาดไทย พรีมาคอฟก็คงคิดว่าจะใช้เป็นฐานกำลังในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นใน พ.ศ.2543
...
เมื่อพรีมาคอฟมีอาการอย่างนี้ เยลต์ซินก็มองว่าแกน่าจะคุมพรีมาคอฟไม่ได้ หากพรีมาคอฟเป็นประธานาธิบดีแล้วกลับมาแว้งกัดแกในเรื่องเก่าๆที่ทำไว้ แกก็จะลำบาก เยลต์ซินจึงสั่งปลดพรีมาคอฟ แล้วก็มองหาคนที่จะเป็นผู้นำประเทศในอนาคตไปเจอเซรเก สเตปาชิน รองนายกรัฐมนตรี แกก็แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีแทน
เยลต์ซินเฝ้าดูสเตปาชินอย่างละเอียด ปรากฏว่านายคนนี้ไม่มีความเป็นผู้นำ ผมหมายถึงว่าเป็น Leader ไม่ได้ เป็นได้เพียงแค่นักบริหาร หรือ Administrator ทนดูได้ 3 เดือน เยลต์ซินก็ปลดสเตปาชิน แล้วจึงให้วลาดิมีร์ ปูติน ขึ้นมาแทน ซึ่งตอนนั้นคนยังไม่รู้จักปูติน แต่เยลต์ซินพยายามอธิบายให้คนรัสเซียฟังว่า เลือกไอ้หนูคนนี้เพราะว่าซื่อสัตย์ อดทน ไหวพริบดีรักในเกียรติยศ มีวินัยและจริยธรรมสูง และที่สุดของที่สุดคือ ไม่มีความทะเยอทะยาน
ต่อมาภายหลัง เมื่อปูตินได้เป็นประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซียแทนเยลต์ซินแล้ว แกก็ให้น้องเลิฟที่สำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเลนินกราด มาด้วยกันที่ชื่อว่า เมียดแวเดียฟมาเป็นนายกรัฐมนตรี และเคยให้เป็นประธานาธิบดีอยู่สมัยหนึ่ง (โดยปูตินลงมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน)
เมียดแวเดียฟเป็นคนดีมาก เป็นน้องเลิฟที่มีความซื่อสัตย์ต่อพี่ปูตินอย่างที่สุด แต่โดยเนื้อแท้ของเมียดแวเดียฟก็คือนักวิชาการ ดีที่สุดก็คือเป็นนักบริหาร ไม่มีความเป็น Leader นำประเทศมหาอำนาจชาติใหญ่ให้ต่อสู้กับประเทศเสือ สิงห์ กระทิง แรด ทั้งประชาชนทั้งปูตินมองแล้ว ถ้าเมียดแวเดียฟเป็นประธานาธิบดีโดยที่ไม่มีปูตินอยู่ สหพันธรัฐนี้ก็จะเป็นอันตราย
วันนี้ รัสเซียมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ชื่อ มิคาอิล วลาดิมิโรวิช มิชัสติน
นายกฯคนใหม่เกิด พ.ศ.2509 อนาคตจะมาเป็นผู้นำชาติมหาอำนาจได้หรือไม่ พรุ่งนี้มาว่ากันต่อครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com