ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯกล่าวระหว่างการหาเสียงในรัฐเท็กซัส เปรียบเทียบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างกองทัพตุรกีกับกองกำลังชาวเคิร์ดในพื้นที่ภาคตะวันออก เฉียงเหนือซีเรียเหมือนเด็กเล่นทะเลาะกัน สหรัฐฯจึงจำเป็นต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าว
เมื่อ 18 ต.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ท่าทีของผู้นำสหรัฐฯเกิดขึ้น ภายหลังรัฐบาลตุรกีเห็นพ้องตามคำร้องขอจากสหรัฐฯ หยุดภารกิจโจมตีกองกำลังชาวเคิร์ดตามแนวชายแดนตุรกี-ซีเรีย ซึ่งอุบัติขึ้นตั้งแต่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังสหรัฐฯถอนทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าวและเปิดทางให้กองทัพตุรกีโจมตีกองกำลังชาวเคิร์ดในพื้นที่
ทั้งนี้ ตุรกีต้องการใช้พื้นที่ตามแนวชายแดนดังกล่าวเป็นแหล่งพักพิงของผู้ลี้ภัยสงครามชาวซีเรียมากกว่า 2 ล้านคน แต่ชาวเคิร์ดในพื้นที่เชื่อว่ากำลังถูกขับไล่และกำจัดออกจากพื้นที่นั้น
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลตุรกีเห็นพ้องหยุดยิงกับกองกำลังชาวเคิร์ด เพื่อเปิดโอกาสให้กองกำลังชาวเคิร์ดถอนกำลังออกจากพื้นที่ความขัดแย้งโดยข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นภายหลังการหารือระหว่างรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ แห่งสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ผู้นำตุรกี ที่กรุงอังการาของตุรกี ขณะที่ผู้บัญชาการกองกำลังชาวเคิร์ดอ้างได้เฝ้าติดตามข้อตกลงนี้อย่างใกล้ชิด แต่สถานการณ์ความเป็นจริงยังไม่มีการหยุดยิง
ในพื้นที่ความขัดแย้ง ส่วน รมว.ต่างประเทศตุรกีแถลงระบุกองทัพตุรกีเพียงระงับการโจมตีกองกำลังชาวเคิร์ดเท่านั้น แต่ไม่ได้หยุดยิงอย่างถาวร จนกว่ากองกำลังชาวเคิร์ดจะถอนกำลังออกจากพื้นที่
ทั้งนี้ เหตุปะทะกันรุนแรงระหว่างกองทัพตุรกีกับกองกำลังชาวเคิร์ดตลอดช่วง 8 วันที่ผ่านมา มีรายงานพลเรือนเสียชีวิตแล้วราว 72 ราย ผู้อพยพหนีภัยการสู้รบมากกว่า 300,000 คน หน่วยงานสหประชาชาติระบุเฉพาะผู้ลี้ภัยจากซีเรียเข้าอิรักแล้วมากกว่า 1,700 คน ขณะที่แหล่งข่าวบางกระแสอ้างตัวเลขผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 500 ราย
ขณะเดียวกัน โครงการอาหารโลกอยู่ระหว่างเตรียมการช่วยเหลือผู้อพยพลี้ภัยที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ โดยคาดว่าจำเป็นต้องช่วยเหลือด้านอาหารแก่ผู้คนมากราว 580,000 ราย ภายในช่วงเวลา 1 เดือนจากนี้ไป.
...