กระทรวงต่างประเทศอิหร่านแถลงเมื่อ 25 มิ.ย.ว่า การคว่ำบาตรที่ไร้ผลของสหรัฐฯต่อเหล่าผู้นำอิหร่าน เป็นการปิดตายช่องทางการทูตกับสหรัฐฯ รัฐบาลทรัมป์ทำลายทุกกลไกสากลที่ตั้งขึ้นรักษาสันติภาพและความมั่นคงของโลกทั้งนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารให้คว่ำบาตรอะยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านและผู้บัญชาการเหล่าทัพซึ่งจะห้ามเข้าถึงแหล่งเงินทุนในสหรัฐฯ เล่นงานผู้เกี่ยวข้องหรือสถาบันการเงินที่ช่วยทำธุรกรรม ตอบโต้เหตุอิหร่านยิงตกอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) สอดแนมมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,200 ล้านบาท) ของสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งทรัมป์อนุมัติโจมตีตอบโต้แต่ยกเลิกในนาทีสุดท้าย และคล้อยหลังเหตุโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 6 ลำใกล้อ่าวเปอร์เซีย สหรัฐฯกล่าวหาเป็นฝีมืออิหร่านซึ่งปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวสื่อสหรัฐฯระบุด้วยว่า ทรัมป์อนุมัติแบบลับๆให้โจมตีทางไซเบอร์ต่อระบบป้องกันขีปนาวุธและเครือข่ายสอดแนมของอิหร่าน แต่รัฐบาลอิหร่านระบุไม่พบก่อความเสียหายใดๆทรัมป์ระบุว่า การคว่ำบาตรรอบใหม่เป็นการตอบโต้ที่รุนแรงและเหมาะสมต่อพฤติกรรมยั่วยุของอิหร่าน ไม่ได้มุ่งหาความขัดแย้ง การคว่ำบาตรอาจยุติพรุ่งนี้หรืออาจลากยาวหลายปีนับแต่นี้ไป ขึ้นอยู่กับการตอบรับของอิหร่านกระทรวงการคลังสหรัฐฯยังขึ้นบัญชีดำโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รมว.ต่างประเทศอิหร่าน นักการเมืองสายกลาง ผู้มีส่วนผลักดันข้อตกลงนิวเคลียร์เมื่อปี 2558 และผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติ (IRGC) 8 นาย นายซารีฟโพสต์ทวิตเตอร์กล่าวหารัฐบาลนายทรัมป์กระหายสงครามและเป็นนโยบายการทูตที่น่าดูแคลนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เรียกร้องความสงบและเจรจาหรือใช้วิธีการทูตยุติปัญหาความตึงเครียดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหลังเมื่อ 1 ปีก่อน นายทรัมป์ประกาศถอนตัวแต่ฝ่ายเดียวจากข้อตกลงพหุภาคีกับอิหร่านเพื่อให้ยกเลิกโครงการนิวเคลียร์และรื้อฟื้นการคว่ำบาตรทั้งหมดที่ถูกยกเลิกภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว.