...โลกตระหนักรู้และห่วงกังวลมากขึ้นของสถานการณ์ “กับดักหนี้”--Debt Trap อันเกิดจากการไหลบ่าของเงินทุนช่วยเหลือรูปแบบต่างๆจากชาติมหาอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ทุนจีน” จากการขยายอิทธิพลแทบทุกด้าน ตั้งแต่การค้า การลงทุน กองทุนกู้ยืมต่างๆตามนโยบาย “ทางสายไหมยุคศต-วรรษ 21” ของรัฐบาลจีนภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ประกาศเดินหน้าตั้งแต่ปี 2556
ระยะเวลาผ่านมา 5 ปี มูลค่าการค้าการลงทุนของจีนออกต่างประเทศมากถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินบาทยิ่งมากมายอีกไม่รู้เท่าไหร่ ไม่นับรวมถึงการทุ่มทุนมหาศาลจากจีนช่วยสร้างพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศทุกรูปแบบ ไล่ตั้งแต่ถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ สนามบิน รวมถึงสิ่งปลูกสร้างอสังหาริมทรัพย์มากมายในต่างประเทศ
รัฐบาลจีนปฏิเสธข้อกล่าวหา “สร้างกับดักหนี้” ให้แก่กลุ่มชาติกำลังพัฒนา โดยเฉพาะกลุ่มชาติกำลังพัฒนาแถบทวีปแอฟริกา หมู่เกาะแปซิฟิก และเอเชีย ระบุเงินทุนเหล่านั้นคือผลประโยชน์ “วิน-วิน” หรือสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือ “ฝ่ายรับ” ได้พัฒนาการเร็วขึ้น
ส่วนจีนได้ประโยชน์ทางการค้าตลอดรวมถึงการช่วยเหลือ “ลดปัญหาคอขวด” เพื่อทะลุทะลวงเส้นทางการค้า การขนส่ง การกักตุนสินค้าและรวบรวมวัตถุดิบใช้ผลิตสินค้าต่อยอดการพัฒนาของจีน ยังไม่นับรวมถึงการขยายอิทธิพลบารมีด้านอื่นๆ รวมถึงการทหารและการเผยแพร่เทคโนโลยีและวัฒนธรรม
สุนทรพจน์ของผู้นำจีน ระบุ...นี่ไม่ใช่ความพยายามสร้าง “ไชนา คลับ” ถ้อยแถลงจากกระทรวงต่างประเทศจีนระบุข้อกล่าวหาจีนถูกตราหน้า “สร้างกับดักหนี้” ถือเป็นความคิดเห็นแบบ “สองมาตรฐาน” ถ้าเทียบระหว่างทุนชาติตะวันตกถูกเรียกว่า “เงินซื้อขนมหวาน” แต่ถ้าเป็นทุนจีนกลับถูกเรียกขาน “เงินกับดัก”
...
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ “ทุนจีน” คือ “การล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจยุคใหม่” โดยเฉพาะชาติหมู่เกาะแปซิฟิกพากันติดกับดักหนี้จีนแล้วมากมายคล้ายสถานการณ์ของศรีลังกาอาจต้องถูก “เจ้าหนี้” ยึดโครงการท่าเรือน้ำลึกมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อดำเนินการ “ใช้หนี้” ยาวนานได้ถึง 99 ปี
“ของฟรีไม่มีในโลก” แต่ละประเทศจำเป็นต้องตระหนักรู้เท่าทันและดำเนินการใดๆอย่างโปร่งใสรัดกุมรอบคอบต่อพลังอำนาจที่เรียกว่า “ซอฟต์ เพาเวอร์”...
อานุภาพ เงินกระแชง