ที่กำลังสู้กันแรงก็คือ สงครามการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งตอนนี้กระทบต่อเศรษฐกิจประเทศต่างๆมากนะครับ กฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่เราเคยคุยกัน ปัจจุบันแทบจะไร้ประโยชน์ หลายประเทศเคยทำงานกันหนักเพื่อจะลดอุปสรรคทางการค้า ทั้งอุปสรรคที่เป็นภาษี และอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี ความตกลงสินค้าเกษตรต่างๆ วันนี้ล้มคว่ำคะมำหงาย มาตรการปกป้องต่างๆก็ใช้ไม่ได้ และการระงับข้อพิพาทก็ไม่มีใครพูดถึง
กลางเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งให้ USTR หรือสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เสนอรายชื่อสินค้าจากจีนที่ต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 10 เป็นวงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 6.6 ล้านล้านบาท มีการทำนายทายทักกันนะครับ ว่าบั้นปลายท้ายที่สุดแล้ว กำแพงภาษีของสหรัฐฯ ที่ตั้งไว้เล่นงานจีนอาจจะเป็นเงินมากถึง 4.5 แสนล้านดอลล์ หรือ 14.8 ล้านล้านบาท
กำแพงภาษีเป็นเครื่องมือของสหรัฐฯที่จะใช้หยุดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน ธนาคารประชาชนจีนออกมาศึกษาหาข้อมูลแล้วก็วิเคราะห์จนได้ข้อสรุปว่า กำแพงภาษีของสหรัฐฯทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวร้อยละ 0.2 ถ้าจีนระมัดระวังและแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะไม่บานปลายขยายไปกระทบกับเรื่องอื่น จะอยู่ในวงจำกัด
นอกจากคำสั่งของทรัมป์เมื่อเดือนที่แล้ว 00.01 น. ของ 6 กรกฎาคม 2561 สหรัฐฯบังคับให้สินค้าจากจีน 818 รายการ ต้องเสียภาษีในอัตราร้อยละ 25 เฉพาะลอตนี้คิดเป็น มูลค่ารวม 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1.12 ล้านล้านบาท มาตรการที่มีผลบังคับใช้ในวันเวลาที่ผมเรียนผู้อ่าน ท่านไปแล้วนี่ กระทบต่อโครงการพัฒนา Made in China 2025 ของสี จิ้นผิง ที่ต้องการให้สินค้าจีนมีคุณภาพสูงและนวัตกรรมสูงในอีก 7 ปีข้างหน้า
กระสุนนัดนี้ของทรัมป์ทำให้เครื่องจักรขนาดใหญ่ ชิ้นส่วนเครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ฮาร์ดแวร์ คอมพิวเตอร์ หลอดไฟแอลอีดี ฯลฯ ซึ่งตอนนี้จีนผลิตได้อย่างมีคุณภาพสูงและราคาต่ำล้มคว่ำคะมำหงาย ขายได้ยากในสหรัฐฯ
...
ขณะที่คนทั้งโลกเฝ้าดูฟุตบอลโลกและก็ลุ้นว่าใครจะเป็นแชมป์ ในวันเวลานาทีเดียวกัน ผู้คนก็ลุ้นกันว่าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ใครจะเป็นแชมป์เศรษฐกิจโลก จีนจะล้มสหรัฐฯ แล้วก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งแทนที่ หรือสหรัฐฯจะเอามือยันกดหัวจีนไม่ให้ขึ้นมาสู้กับตน
ทว่า จีนไม่อยู่เฉยดอกครับ พอสหรัฐฯประกาศว่าสินค้าจีน 818 รายการ ต้องเสียภาษีร้อยละ 25 และเมื่อเดือนที่แล้วมีการเสนอ
รายชื่อสินค้าจีนที่ต้องเสียภาษีร้อยละ 10 รัฐบาลจีนก็บอกว่า จีนจะตอบโต้กำแพงภาษีของสหรัฐฯอย่างทันทีและอย่างมีมูลค่าเท่ากัน
เกมนี้ คนที่เสียหายทำลายภาพลักษณ์ของตัวเองก็คือสหรัฐฯครับ เพราะแต่ก่อนง่อนชะไร ตัวเองสนับสนุนการค้าเสรีมาตลอด แถมสหรัฐฯเป็นคนที่กระดิกพลิกตัวเรื่องพันธะทางกฎหมายที่มาจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีศุลกากร เป็นประเทศที่พยายามเข้าไปมีบทบาทในองค์การการค้าโลกที่ต้องการให้การค้าระหว่างประเทศเป็นไปอย่างเสรี ปราศจากอุปสรรคและข้อกีดกันทางการค้า สหรัฐฯพร่ำเพ้อมาตลอดว่าตัวเองจะร่วมมือกับประเทศต่างๆ ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ สหรัฐฯเคยเป็นผู้นำในการวางกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการค้าสินค้า บริการ ทรัพย์สินทางปัญญา มาตรการลงทุน ฯลฯ
แต่วันนี้ ทรัมป์ดันละเมิดกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศตามกรอบขององค์การการค้าโลกด้วยตัวเอง ใครจะนึกครับว่า ประเทศที่เคยมีภาพลักษณ์เป็นผู้คุ้มครอง กลับเป็นผู้จุดชนวนสงครามการค้า ครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก
ผมมีความเชื่อครับ ไม่ว่าจีนหรือสหรัฐฯชนะ แต่คนที่แพ้ก็คือชาติเล็กประเทศน้อยทั่วโลก เพราะกำแพงภาษีที่สหรัฐฯนำมาใช้อย่างละเมิดกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศตามกรอบดับเบิลยูทีโอจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างมาก
รัสเซียซึ่งเป็นพันธมิตรกับจีนก็เอาแล้วครับ เสาร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเมียดแวเดียฟ ลงนามคำสั่งขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตราร้อยละ 25-40
สงครามเศรษฐกิจโลกของจริงเกิดขึ้นแล้วครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com