ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการประชุมเศรษฐกิจ “โบอ่าว ฟอรัม ฟอร์ เอเชีย” ที่มณฑลไห่หนาน ทางภาคใต้ ซึ่งเปรียบเสมือนการประชุม “เอเชีย ดาวอส” เมื่อวันอังคารที่ 10 เม.ย.ระบุถึงนโยบายของรัฐบาลจีนต้องการเปิดตลาดการค้ากว้างขวางมากยิ่งขึ้น ทั้งกล่าวเตือนถึงภาวะ “สงครามเย็นภายในจิตใจ” อันสืบเนื่องเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโลก

แม้ผู้นำจีนไม่ได้พูดถึงความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนโดยตรง แต่รู้กันดีว่าหมายถึง “สงครามการค้า” ที่หลายฝ่ายหวั่นเกรงจะเกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ สืบเนื่องการประกาศขึ้นภาษีสินค้าของกันและกันระหว่างสหรัฐฯกับจีนตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ท่าทีของรัฐบาลจีนภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ต้องการเปิดตลาดการค้าเพิ่มเติมและประกาศลดภาษีนำเข้าสินค้ารถยนต์และอุปกรณ์อื่นๆจากบริษัทต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในจีน โดยผู้นำจีนระบุ “สังคมโลกกำลังเผชิญปัญหาต้องเลือก “เปิด” หรือ “ปิด” เพื่อ “ก้าวไปข้างหน้า” หรือ “ก้าวถอยหลัง” ทั้งระบุ “ทุกวันนี้กระแสสังคมโลกทุกชุมชนต้องร่วมมือกันเพื่อผลประโยชน์แบบ “วิน-วิน” การเดินหน้าเพียงลำพังยากจะไปถึงจุดหมายปลายทาง”

ขณะเดียวกัน รายงานของกลุ่มตรวจสอบติดตามความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับจีน ระบุตลอดช่วงปีที่แล้ว 2560 การลงทุนการค้าของจีนในสหรัฐฯ ลดลงเหลือราว 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือลดลงถึง 1 ใน 3 เทียบกับช่วงปี 2559 มูลค่าการลงทุนของจีนในสหรัฐฯอยู่ที่ราว 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สืบเนื่องจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเพิ่งขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ส่วนการลงทุนของสหรัฐฯในจีนยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก คือจากมูลค่าปีที่แล้วราว 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2559 มูลค่าลงทุนราว 13,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

...

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบมูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนช่วงปี 2559 พบว่า จีนส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯอยู่ที่ 18.2 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าการค้าที่สหรัฐฯ ซื้อสินค้าจากจีน 129,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราการเติบโตทางการค้าของจีนสู่สหรัฐฯอยู่ที่ 59.2 เปอร์เซ็นต์ และสหรัฐฯเสียเปรียบดุลการค้าต่อจีน 347,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ.