คำว่า “เกรงใจ” ไม่มีอยู่ในวัฒนธรรมของฝรั่ง แต่ คนไทยกลับมีนิสัยขี้เกรงใจ ไม่กล้าปฏิเสธ ไม่กล้าโต้แย้ง ยอมเสียเปรียบ และเออออห่อหมกให้จบเรื่องกันไป ทั้งๆที่ “ความขี้เกรงใจ” ถือเป็นโรคร้ายทำลายชีวิตสำหรับสังคมยุคใหม่ ยุคที่คนอ่อนแอต้องแพ้ไป คนขี้เกรงใจถูกผลักไสให้เป็นม้านอกสายตาที่ไร้น้ำยาผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาชื่อดังของจีน “โจวเหวยลี่” วิเคราะห์เจาะลึกเรื่องนี้ไว้น่าสนใจในหนังสือเบสต์เซลเลอร์ติดอันดับขายดี “อย่าให้ความเกรงใจทำลายชีวิตคุณ” เพื่อจุดประกายให้คนขี้เกรงใจทั้งหลาย ได้เรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเอง กล้าปฏิเสธ ไม่ยอมถูกเอารัดเอาเปรียบจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนเห็นแก่ตัวที่ถือคติ “ด้านได้อายอด”ในทัศนะของ “อ.โจว” เชื่อว่า ความวุ่นวายส่วนใหญ่ของชีวิตมาจากการพูดว่า Yes เร็วเกินไป และพูดว่า No ช้าเกินไป ในแต่ละวันเราถูกคำว่า “เกรงใจ” บั่นทอนชีวิตทีละเล็กละน้อย กว่าจะรู้ตัวอีกที มันก็กลายเป็นภัยร้ายทำลายชีวิตซะแล้วถ้าไม่อยากพลาดโอกาสดีๆ อยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ต้องเอาจริงเอาจังกับการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อรักษา “โรคขี้เกรงใจ” คนขี้เกรงใจมักขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เป็นคนหัวอ่อน หวั่นไหวต่อคำพูดของคนอื่นง่าย คิดว่าตนเองมีปมด้อย ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเพราะกลัวคนฟังจะว่าเอา สุดท้ายก็โดนเอาเปรียบ ต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่ชอบไปทั้งปีทั้งชาติวิธีปลดล็อกแก้นิสัยขี้เกรงใจ สามารถนำทฤษฎีจิตวิทยาสำคัญอย่าง “ทฤษฎีการประทับตรา” มาประยุกต์ใช้ ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าทุกอย่างในโลกล้วนมีสองด้าน ทั้งด้านดีและไม่ดี อยู่ที่เราจะหยิบจับด้านไหนมามอง คนที่โตมาในครอบครัวที่ชอบประทับตราเชิงลบ พ่อแม่มักดุด่าว่าเป็น “ไอ้อ้วน” “เจ้าโง่” “ตัวขี้เกียจ” พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็น “ไอ้อ้วน” “เจ้าโง่” หรือ “ตัวขี้เกียจ” อย่างที่พ่อแม่เรียกจริงๆ ผู้ใหญ่เองก็เช่นกัน ถ้าเฝ้าบอกตัวเองว่า “ฉันไม่มีความสามารถ” “ฉันไม่เอาไหน” “ไม่มีใครรักฉัน” ต่อให้ถมยังไงชีวิตก็ไม่มีวันเต็ม เพราะหัวใจมันขาดความเคารพในตัวเอง และประทับตราตัวเองแบบติดลบไปซะแล้วถ้าอยากหลุดจากกรอบเดิมๆ “อ.โจว” ชี้แนะให้เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ฉีกตราประทับแย่ๆทิ้งซะ แล้วติดตราประทับใหม่ดีๆเข้ามาแทนที่ “หากเราคิดว่าดี ถึงจะไม่ดี ยังไงมันก็ต้องออกมาดี แต่ถ้าเราคิดว่าไม่ดี ถึงจะดีงามมาก ยังไงซะ มันก็ไม่มีวันดี” ทุกอย่างอยู่ที่ใจเราจริงๆ เปลี่ยนไมนด์เซตการมองโลกมองตัวเองซะใหม่ โทษคนอื่นให้น้อยลง ชื่นชมตัวเองให้มากขึ้น เลิกฟังคำติฉินนินทา แล้วชีวิตจะมีความสุขกว่าที่เป็นหยิบปากกากระดาษขึ้นมาเขียนถึงตราประทับแย่ๆของตัวเอง เช่น แกมันโง่!! แกมันอ่อนแอ!! สมองอย่างแกเอาดีไม่ได้หรอก!! แล้วนำไปเผาทิ้งซะ!! พร้อมอ่านคำไว้อาลัยตราประทับติดลบเก่าๆ สัญญากับตัวเองว่าฉันจะเป็นคนใหม่ที่ใจกล้า เด็ดขาด ฉลาดทันคน ไม่เสียเปรียบใคร ถ้าไม่มีใครชื่นชมเรา ก็หมั่นชมตัวเองวันละนิดจิตแจ่มใส แต่อย่าให้เลยเถิดจนกลายเป็นคนหลอกตัวเอง สร้างภาพหลอกคนอื่นไปวันๆ แต่ที่จริงกลวงไส้ใน.มิสแซฟไฟร์