หวิดวุ่น! หลังครอบครัวลัทธิเชื่อมจิต ดอดเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ก่อนวันนัดหมายเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาที่ถูกพิธีกรคนดังแจ้งความเอาผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ขณะที่ ตร.เรียกให้พ่อแม่ส่งตัวลูกชายให้กับเจ้าพนักงานตาม ก.ม.คุ้มครองเด็ก ด้าน “หนุ่ม กรรชัย” รุดไปโรงพักทันทีหลังรู้ข่าว ก่อนพบมีการให้สิทธิพิเศษผู้ถูกกล่าวหาในการพิมพ์ลายนิ้วมือ รวมถึงกั้นสื่อเข้าทำข่าว ลั่นมาติดตามคดีในฐานะเจ้าทุกข์ ตั้งคำถามถึงการทำงานของตำรวจ เสมือนปฏิบัติ 2 มาตรฐาน

จากกรณีเมื่อวันที่ 16 เม.ย.2567 นายภูดิท หรือหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรชื่อดัง มอบอำนาจให้นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความส่วนตัว เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต ที่ประกอบด้วย นายพิชญะ น.ส.นัฐพร พ่อแม่ของน้องไนซ์ วัย 8 ขวบ และนายธรรมราช สาระปัญญา ทนายความ ในข้อหาร่วมกันดูหมิ่นด้วยการโฆษณา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และความผิดฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง เหตุเกิดทั่วราชอาณาจักรไทย และที่อาคารมาลีนนท์ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 1-12 เม.ย.2567 ซึ่งเป็นการแจ้งความทั้งโดยส่วนตัวและในส่วนของบริษัท ดีคืนดีวัน ซึ่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้รับคำร้องทุกข์เป็นคดีอาญาที่ 608/ 2567 และก่อนหน้านี้ได้มีการออกหมายเรียกแล้ว 1 ครั้ง แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้เดินทางเข้ามา และนัดผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้งในวันที่ 5 มิ.ย.นั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สน.ทองหล่อ เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 3 มิ.ย.กลุ่มลัทธิเชื่อมจิต ประกอบด้วย นายพิชญะ น.ส.นัฐพร และน้องไนซ์ พร้อมกับทนายความ ได้เดินทางมาก่อนวันเวลานัดหมาย เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งนายพิชญะ และ น.ส.นัฐพร มาตามหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อหา ส่วนน้องไนซ์ บุตรชาย มาตามหนังสือเชิญตัวให้มาพบพนักงานสอบสวน ที่ได้มีคำสั่งเรียกให้นายพิชญะ และ น.ส.นัฐพร ในฐานะบิดามารดาและเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองน้องไนซ์ ร่วมกันนำบุตร ซึ่งอยู่ในความปกครองไปพบพนักงานสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ และส่งตัวน้องไนซ์ซึ่งเป็นบุตรให้กับเจ้าพนักงานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 73 วรรคสอง ประกอบระเบียบคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติว่าด้วยวิธีการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่ต้องหาว่ากระทำการอันกฎหมายบัญญัติ เป็นความผิดแต่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องรับโทษทางอาญา พ.ศ.2555

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่พ่อแม่และน้องไนซ์ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหานั้น หนุ่ม กรรชัย ผู้ประกาศข่าวและพิธีกรคนดัง พร้อมทนายความ ได้เดินทางตามมาที่ สน.ทองหล่อ หลังทราบข่าวว่าครอบครัวลัทธิเชื่อมจิต เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาก่อนวันนัดหมาย และต่อมาเกิดวิวาทะเล็กน้อยเมื่อผู้ถูกกล่าวหาขอตำรวจไปพิมพ์ลายนิ้วมือที่ชั้นล่างไม่ขึ้นไปชั้นสอง เพื่อไม่ต้องเจอกองทัพผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าวอยู่บริเวณด้านหน้า รวมถึงเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า ตำรวจต้องเสริมกำลังบริเวณทางเข้าใน สน.กั้นไม่ให้สื่อเข้าไปทำข่าวได้ ทำให้ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ จากเพจเป็นหนึ่ง ที่เดินทางมาที่ สน.ทองหล่อเช่นกัน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ไม่อยากให้ตำรวจให้สิทธิพิเศษกับผู้ถูกกล่าวหา

ด้านหนุ่ม กรรชัย กล่าวในเวลาต่อมาว่า เดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแจ้งความ พร้อมระบุว่า รู้สึกมีความกังวลเนื่องจากมีการนัดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กระทรวง พม. และสหวิชาชีพไว้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 5 มิ.ย.2567 แต่กลับมาก่อนกำหนด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมารับภาระเพิ่ม และสร้างความเสียหายต่อคดีความอื่นๆ ในส่วนหนึ่งด้วย

กระทั่งช่วงเย็นผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยิ่งเกิดความวุ่นวายอีกรอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตัดสินใจให้ครอบครัวและกลุ่มเชื่อมจิต พิมพ์ลายนิ้วมือที่ชั้น 1 ของโรงพัก ทั้งที่ปกติขั้นตอนการพิมพ์นิ้วมือจะต้องดำเนินการที่ชั้น 2 แต่ครอบครัวและกลุ่มเชื่อมจิตขอเจ้าหน้าที่ดำเนินการที่ชั้น 1 แทน ทำให้พิธีกรดัง หนุ่ม กรรชัย พร้อมต้นอ้อ เป็นหนึ่ง และทนายความ ตั้งคำถามถึงการทำงานของตำรวจ เสมือนปฏิบัติ 2 มาตรฐาน พร้อมตั้งคำถามทำไมตำรวจให้อภิสิทธิ์กับครอบครัวนี้ โดยหนุ่ม กรรชัย ยังตะโกนตั้งคำถามตำรวจที่จัดกำลังมากั้นไม่ให้เข้าไปทำข่าวว่า “ตำรวจจะมาละเมิดสิทธิ์สื่อได้อย่างไร” พร้อมระบุว่า ตำรวจทำแบบนี้ถือว่า 2 มาตรฐาน จะขอสังเกตการณ์ในฐานะเจ้าทุกข์หรือผู้เสียหาย โดยการที่ตำรวจทำแบบนี้ถือว่า 2 มาตรฐานหรือไม่

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าช่วงที่ หนุ่ม กรรชัย เห็นทนายธรรมราช ทนายความของกลุ่มลัทธิเชื่อมจิตก่อน พิธีกรคนดังยังตะโกนถามไปว่า “ว่าไงธรรมราช เก่งนักเหรอ ออกมาคุยกันหน่อยสิ” ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สุดท้ายเจ้าหน้าที่สิบเวร ได้แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่ามีการแจ้งดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และพิมพ์ลายนิ้วมือ เพื่อทำประวัติทั้งพ่อและแม่ของน้องไนซ์เป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะปล่อยตัวกลับไป

ขณะที่เพจนิรมิตเทวาจุติ ยังได้โพสต์ข้อความในเวลาต่อมาด้วยว่า “เทพบุตรลงมา กัญชัยไม่ทน เปิดศึกทองหล่อ ใครจะอยู่ใครจะไป?” ซึ่งหนุ่ม กรรชัยได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ด้วยว่า “ขออภัยนะครับ ผมไม่ได้มาเปิดศึก ผมมาตามเรื่องคดีความ เพราะว่าไม่ได้มีค่าขนาดนั้นที่ผมจะต้องไปเปิดศึกด้วย เลอะเทอะ จริงๆแล้วคนที่มีศีลมีธรรม เขาไม่คิดเรื่องของศึกหรอกครับ คนที่มีศีลมีธรรมจริงๆ ต้องปล่อยวาง ผมมาในฐานะผู้เสียหาย เป็นเจ้าทุกข์ มีสิทธิ์มาสอบถามคดี สุดท้ายคงไม่อะไร แต่อยากขออย่างเดียวให้หยุดพฤติกรรมนี้ สงสารเด็ก ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาพี่จะไม่มายุ่งเลย ทุกวันนี้เราก็อยู่แวดล้อมด้วยผู้วิเศษกันเยอะอยู่แล้ว”

ต่อมาเวลา 19.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บรรยากาศรอบ สน.ทองหล่อ กลับมาคุกรุ่นอีกรอบเมื่อมีแฟนคลับของหนุ่ม กรรชัย เกือบ 100 คน มาให้กำลังใจ แต่เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่กั้นหนุ่ม กรรชัย ไม่ให้สังเกตการณ์การสอบสวนผู้ถูกกล่าวหา รวมถึงไม่ให้เข้าไปในโรงพัก และยังให้สิทธิ์ผู้ถูกกล่าวหาเรื่องขั้นตอนพิมพ์ลายนิ้วมือ ทำให้เกิดความไม่พอใจและลุกฮือจนหวิดเกิดความวุ่นวาย เจ้าหน้าที่ต้องใช้เชือกโปลิศไลน์มาขึงกับแผงเหล็กกั้นรอบทางเข้าห้องวันสต็อปเซอร์วิส (ห้องรับแจ้งความ) พร้อมเรียกกำลังเสริมจากโรงพักใกล้เคียงสังกัด บก.น.5 มาช่วยหากเกิดเหตุบานปลาย แต่สุดท้ายเมื่อเหตุการณ์คลี่คลายเจ้าหน้าที่ได้เชิญหนุ่ม กรรชัย กับทนายเข้าไปในห้องรับแจ้งความเพื่อพูดคุย จากนั้น หนุ่มกรรชัย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่าจะขอกลับออกไปก่อน เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาออกมาหลังจากกระบวนการแจ้งข้อหาเสร็จสิ้นแล้ว

...

ด้าน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวว่า ขั้นตอนการสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับพ่อแม่น้องไนซ์เสร็จสิ้นแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน ปฏิเสธข้อกล่าวหา จึงปล่อยตัวชั่วคราวและนัดให้ผู้ปกครองนำน้องไนซ์มาพบกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 4 มิ.ย. เพื่อส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ พม.ดูแลต่อไป

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่