“นครบาล” เร่งรวบรวมหลักฐานออกหมายจับแก๊งตำรวจอุ้มนักท่องเที่ยวชาวจีนรีด 2.5 ล้านบาท เพิ่มอีก 6 คน รวมทั้งนางนกต่อสาวชาวลาว คนเอาเครื่องรูดบัตรมาให้กลุ่มผู้เสียหายด้วย ขณะเดียวกันส่งชุดไล่ล่า จ.ส.ต.วีรยุทธ เพชรรัตน์ ตำรวจจราจร สน.พญาไท ที่ถูกออกหมายจับแล้วไม่ยอมมอบตัว เตือนใครช่วยเหลือซ่อนเร้นผู้กระทำความผิดมีโทษอาญา นอกจากนี้ยังประสาน ตม.และสถานทูตจีนขอข้อมูลการเดินทางเข้าไทยของผู้เสียหายทั้งหมด

ความคืบหน้าคดีอดีตดาบตำรวจร่วมพรรคพวกทั้งตำรวจจริงตำรวจปลอมอุ้มนักท่องเที่ยวชาวจีน 5 คน รีดเงิน 2.5 ล้านบาท เปิดเผยขึ้นที่ สน.ดินแดง เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 พ.ค. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.ภษิต กะเตื้องงานผกก.สน.ดินแดง พร้อมด้วยชุดสืบสวน กก.สส.บช.น. ชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.1 และชุดสืบสวน สน.ดินแดง ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดี ใช้เวลาประชุมประมาณ 30 นาที

พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 4 คน จากผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว 5 หมายจับ ผู้ต้องหาทั้ง4คนที่จับได้ต่างให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่บางคนยังให้การภาคเสธอยู่ แต่ยอมรับว่าเป็นผู้ร่วมขบวนการ เนื่องจากทางตำรวจมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด สามารถบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งผู้เสียหายยังชี้ตัวยืนยันผู้ต้องหาทั้งหมดด้วย

“ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีกคนคือ จ.ส.ต.วีรยุทธ เพชรรัตน์ ผบ.หมู่ (จร.) สน.พญาไท ที่หลบหนีอยู่ ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมมาดำเนินคดี ขอประกาศแจ้งเตือนว่า ผู้ใดที่ช่วยเหลือซ่อนเร้นผู้กระทำความผิด จะมีโทษทางอาญาด้วย ส่วนการขยายผลถึงผู้ต้องหาที่เหลืออีก 6 คน วันนี้เร่งรัดให้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อขอหมายจับเพิ่มเติมต่อไป” พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าว

...

รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ที่ถูกจับกุมตัวได้แบ่งหน้าที่กันทำ มี ด.ต.อรรถวุฒิ หรือบอส สุมนรัตนกุล อดีตตำรวจ สน.คันนายาว ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีม ให้คนในกลุ่มผู้ต้องหานำตัวผู้เสียหายไปพบเพื่อให้ยืนยันว่าเป็นตำรวจจริง พร้อมกับข่มขู่เพื่อเรียกเงินแลกการปล่อยตัว ทั้งนี้ พบว่าในวันเกิดเหตุนายบอสขับรถเบนซ์สีดำมาจอดที่หน้าโรงแรมด้วย เพียงแต่ไม่ได้ลงจากรถเท่านั้น

พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวอีกว่า ส่วนนายนภสินธุ์ นุ่มมาก อายุ 39 ปี ทำหน้าที่เข้าไปเปิดห้องพักที่โรงแรมเดียวกับกลุ่มผู้เสียหายเพื่อให้เข้าถึงตัว ส่วนนายธีรชัย หรือฟาง เฉลิมวันเพ็ญ อายุ 36 ปี ได้รับการติดต่อให้มาเป็นล่ามแปลภาษาเพื่อสื่อสารกับผู้เสียหาย ได้รับค่าจ้าง 15,000 บาท และ ส.ต.อ.ภูวเดช เด็กหลี เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิทยุผ่านฟ้า ได้รับการติดต่อมาเพื่อขอยืมรถ อ้างว่าจะมาจับผู้ต้องหา ก่อนถูกชวนมาร่วมทีมและนั่งรถไปด้วย

“การสืบสวนยังทราบด้วยว่า น.ส.ลูกปลา หญิงชาวลาว เป็นคนนำเครื่องรูดบัตรมาให้กลุ่มผู้เสียหายเป็นนกต่อ นั่งรถมากับกลุ่มผู้ต้องหาตั้งแต่แรก ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานออกหมายจับ ส่วนเส้นทางการเงิน 2.5 ล้านบาทที่ผู้เสียหายโอนให้กลุ่มผู้ก่อเหตุ สืบสวนพบว่า ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกประมาณ 1.4 ล้านบาท ถูกแบ่งให้นายบอส 7 แสนบาท และ จ.ส.ต.วีรยุทธ เพชรรัตน์ ผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 7 แสนบาทแล้วโอนไปให้ ส.ต.อ.ภูวเดช 1 แสนบาท ส่วนที่สองประมาณ 890,000 บาท แต่บัญชีนี้ถูกอายัดโดยตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ เนื่องจากบัญชีไปเกี่ยวข้องกับการหลอกซื้อขายของออนไลน์ ทำให้ไม่สามารถถอนเงินได้” รอง ผบช.น.กล่าว

พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ชุดสืบสวนจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และสถานทูต เพื่อขอทราบรายละเอียดการเดินทางเข้าประเทศไทย และประวัติของกลุ่มผู้เสียหายชาวจีนทั้งหมดว่าเข้าประเทศไทยด้วยวัตถุประสงค์อะไร

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่