“บิ๊กโจ๊ก” แฉคลิป “ลุงเปี๊ยก” ถูกถุงดำคลุมหัวล่ามโซ่รุมซ้อมบังคับให้รับสารภาพเป็นคนฆ่า “ป้ากบ” รายงาน ผบ.ตร. พร้อมส่งคลิปให้ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว ลงดาบเชือดตำรวจที่ก่อเหตุ “อุ้ม” ต้องดำเนินคดีอาญา เผยไทม์ไลน์จากจุดที่ลุงเปี๊ยกถูกนำตัวไปโรงพักหายไปถึง 2 ชม. ทั้งที่ระยะทางไม่ไกล ดาบแรกสั่งเด้ง รอง ผกก.สส.สภ.อรัญประเทศ เซ่นคลิปเสียงบังคับขู่เข็ญลุงเปี๊ยกให้สารภาพ ขณะที่เหยื่อแก๊ง 5 โจ๋ทมิฬโผล่อีก 3 ราย โร่แจ้งดำเนินคดีทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศ ขณะที่ “ลุงเปี๊ยก” ไม่ยอมไปบำบัดติดสุราเรื้อรัง เผ่นเข้าวัดหวังบวชหนีความวุ่นวาย หลังตำรวจพาไปตอบข้อซักถามสื่อ เจ้าตัวย้ำคำเดิมไม่มีใครบงการให้พูด ผบ.ตร.ยอมรับมีข้อสงสัยในคดี น้อมรับกระแสสังคมวิพากษ์ตำรวจมีต้นทุนต่ำพอเกิดเรื่องก็โดนสับเละ

จากคดีสะเทือนขวัญที่สังคมให้ความสนใจจนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กรณีพบศพ น.ส.บัวผัน หรือป้ากบ ตันสุ อายุ 47 ปี หญิงสติไม่ดี ถูกทุบหัวโยนศพทิ้งบ่อน้ำข้างโรงเรียนอนุบาลศรีอรัญโญทัย หลังปั๊มน้ำมัน ปตท.เก่า อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ต่อมาตำรวจดำเนินคดีนายปัญญา หรือลุงเปี๊ยก คงแสนคำ อายุ 56 ปี สามีผู้ตายที่รับสารภาพว่าลงมือฆ่าภรรยา นำตัวไปทำแผนฯก่อนส่งฝากขังต่อศาล ภายหลังพบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดว่า ฆาตกรตัวจริงเป็นกลุ่มเยาวชนชาย 5 คนอายุระหว่าง 13-16 ปี มี 2 หัวโจกเป็นลูกตำรวจในพื้นที่ ลุงเปี๊ยกกลายเป็นแพะในคดี ตำรวจรีบทำเรื่องปล่อยตัวออกจากเรือนจำก่อนจะนำตัวไปเก็บไว้ไม่ให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ กระทั่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ต้องลงมาควบคุมคดีเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

...

ที่ บก.ภ.จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 16 ม.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เดินทางไปติดตามความคืบหน้าของคดี โดยตำรวจนำตัว นายปัญญา หรือลุงเปี๊ยก เข้ามาในห้องประชุมเพื่อซักถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์สอบถามว่า เหตุใดจึงรับสารภาพ ลุงเปี๊ยกยังตอบเหมือนเดิมว่าเสียใจที่ภรรยาตายและชาวบ้านยังกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าเลยรับสารภาพตามนั้นเพื่อให้เรื่องจบและยุติปัญหา ไม่มีใครมาบงการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ถามต่ออีกว่า ทำไมบอกว่าใช้เก้าอี้ตีป้ากบ ทำไมไม่บอกว่าใช้อย่างอื่นตี หรือไปเห็นอะไรมา ลุงเปี๊ยกยังตอบว่าตนคิดเอาเอง ไม่มีใครบอก

ต่อข้อถามถึงประเด็นตำรวจสายสืบ สภ.อรัญประเทศ ที่เป็นพ่อของหนึ่งในเยาวชนที่ก่อเหตุ อาจมีส่วนชี้นำลุงเปี๊ยกให้รับสารภาพ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า นิสัยแบบตนไม่ไว้หน้าคนทำผิดหรือช่วยเหลือลูกน้องที่ไม่ดี แต่จากการพูดคุยกับตำรวจทำคดียืนยันได้ว่าตำรวจนายนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่มีกระแสข่าวหรือการตั้งคำถามจากสังคม นอกจากนี้ยังนำตัวลูกชายที่ร่วมก่อเหตุเข้ามอบตัวด้วยตัวเอง จากนั้นตำรวจเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวสอบถามข้อสงสัยต่างๆจากลุงเปี๊ยก โดยเฉพาะประเด็นที่ยอมรับสารภาพว่าฆ่าเมียโดยใช้เก้าอี้ตีจนเสียชีวิต ลุงเปี๊ยกยอมรับว่า ขณะนั้นเมามาก และที่ตอบไปแบบนั้นสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีผู้สื่อข่าวถามว่าโกหกใช่มั้ย ลุงเปี๊ยกตอบสั้นๆว่า “ผมโกหกครับ”

หลังตอบคำถามสื่อมวลชน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยอมรับว่า คดีนี้ถือว่าเป็นเคสตัวอย่างที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะกำชับไปยังผู้บัญชาการ และผู้บังคับการทุกท้องที่ทั่วประเทศ ให้ดูแลเอาใจใส่ประชาชนให้มากกว่านี้ รวมถึงการตอบคำถามจากสังคมให้เกิดความกระจ่าง ส่วนข้อมูลที่มีสื่อมวลชนสอบถามว่า มีคดีที่เยาวชนทั้ง 5 คนกลุ่มนี้ไปก่อเหตุและสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านคนอื่นก่อนจะไปก่อคดีฆ่าป้ากบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งการให้ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ไปตรวจสอบประวัติย้อนหลังอย่างละเอียด หากพบความผิดให้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

ต่อมาช่วงเย็นวันที่ 17 ม.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่ามีหลักฐานคลิปวิดีโอและพยานให้ข้อมูลมายังตนว่า ลุงเปี๊ยกถูกกลุ่มคนใช้ถุงดำคลุมศีรษะ ซ้อม ล่ามโซ่ และบีบบังคับให้รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าป้ากบ ภรรยา และคลิปมูลนิธิวินวินโทรศัพท์ไปสอบถาม สภ.อรัญประเทศ ยอมรับว่าทำจริง ถือเป็นหลักฐานใหม่ที่เพิ่งได้รับ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ดูคลิปวิดีโอดังกล่าว แต่ได้รายงานให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.และส่งคลิปไปให้ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว หากพบว่าตำรวจนายใดเกี่ยวข้องให้มีคำสั่งมาช่วยราชการไว้ก่อน และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ หากพบว่าใช้วิธีการสอบสวนดังกล่าวจริงถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายแน่นอน เพราะเข้าข่ายเป็นการ “อุ้ม” ต้องดำเนินคดีอาญา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เผยต่อไปว่า ส่งชุดสืบสวนส่วนกลางลงพื้นที่ไปตรวจสอบจะเห็นความจริงทั้งหมด ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงต้องสอบปากคำลุงเปี๊ยกใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะไทม์ไลน์จากกล้องวงจรปิดพบว่าจุดที่ลุงเปี๊ยกถูกควบคุมตัวไปที่ สภ.อรัญประเทศ หายไป 2 ชม. ทั้งที่ระยะทางไม่ไกล ก็เป็นข้อสงสัยด้วยเหมือนกันว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ลุงเปี๊ยกจะถูกนำตัวไปสอบสวนด้วยวิธีการดังกล่าว เมื่อมีเรื่องขึ้นมาใหม่ก็ต้องไปตรวจสอบว่าคลุมหัวตรงไหนและคลุมหัวทำไม จะต้องมาไล่ดูให้หมด ย้ำว่าวิธีการที่จะได้มาซึ่งพยานหลักฐานโดยการคลุมหัว ล่ามโซ่ หรือซ้อมทรมาน เป็นวิธีการที่ได้มาโดยมิชอบ ได้สั่งตรวจสอบแล้วจะทราบผลเร็วๆนี้

รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า การสอบปากคำลุงเปี๊ยกด้วยตนเองเมื่อวานนี้ ยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือลูกตำรวจอย่างแน่นอน เพราะพ่อเด็กที่เป็นตำรวจ สภ.อรัญประเทศ เป็นคนพาลูกเข้ามอบตัวและให้ข้อมูลผู้ก่อเหตุอีก 4 คน ที่เหลือจนตามจับกุมได้ทั้งหมดและนำตัวส่งสถานพินิจฯ ตรงนี้ถือว่าได้คำตอบแล้ว ส่วนการสอบปากคำลุงเปี๊ยกเชื่อว่าไม่ได้ถูกบังคับ แต่หลังจากมีคลิปและหลักฐานลุงเปี๊ยกถูกซ้อมบังคับก็ต้องไปตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนที่มีการเรียกร้องให้โอนสำนวนคดีนี้มาที่กองปราบปราม ตนมองว่าคดีนี้ไม่มีความซับซ้อน ไม่มีความจำเป็นต้องโอนคดีมาที่กองปราบฯ

...

ต่อมามีคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วที่ 13/2567 ระบุว่า ตามที่มีคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีปรากฏคลิปเสียงตำรวจชุดสืบสวน สภ.อรัญประเทศ บังคับขู่เข็ญให้ลุงเปี๊ยกรับสารภาพคดีฆาตรรมป้าบัวผัน จากการตรวจสอบปรากฏว่า เป็นเสียงของ พ.ต.ท.พิชิต วัฒโน รอง ผกก.สส.สภ.อรัญประเทศ จึงมีคำสั่งให้ พ.ต.ท.พิชิต วัฒโน ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว มีกำหนด 30 วัน โดยขาดจากต้นสังกัด ลงนามโดย พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว

ที่ สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ช่วงสายวันเดียวกัน นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” นำเหยื่อ 3 คนที่เป็นผู้เสียหายจากการกระทำของแก๊ง 5 โจ๋ทรชนผู้ต้องหารุมฆ่าป้ากบ เป็น LGBTQ อายุ 36 ปี เยาวชนหญิงอายุ 12 ปี และเยาวชนหญิงอีกราย เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อเเจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมกับ 5 โจ๋ทรชน มี พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว มาอำนวยความสะดวก

...

กัน จอมพลัง เผยว่า เหยื่อรายแรกเป็น LGBTQอายุ 36 ปี ถูก 1 ใน 5 โจ๋ทำร้ายร่างกายเมื่อช่วงต้นปี ส่วนเยาวชนหญิงอายุ 12 ปี ถูกแก๊งโจ๋บุกไปที่ห้องพัก ใช้ปืนจ่อศีรษะเพื่อบังคับให้อมอวัยวะเพศแล้วถ่ายคลิปโชว์ และเหยื่อรายที่ 3 ถูกล่วงละเมิดทางเพศอีกแบบ กลุ่มนี้ถือเป็นขบวนการอาชญากรเด็ก ก่อเหตุอุกอาจสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทั่วไปหลายครั้ง มีประมาณ 20 คน ไม่ใช่แค่ 5 คน เด็กชายที่มีพ่อเป็นตำรวจนำปืนมาพกติดตัวและเป็นผู้นำของแก๊งนี้ อยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบว่าเป็นปืนของพ่อที่เป็นตำรวจหรือไม่ แล้วพ่อที่เป็นตำรวจอนุญาตให้พกติดตัวหรือไม่

พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ศรีจันทร์ตรา ผกก.สภ.อรัญ ประเทศ เผยว่า คดีที่ผู้เสียหายถูกข่มขืนจะเข้าสู่กระบวนการสอบปากคำเบื้องต้นว่าเหตุเกิดที่ใดและผู้ก่อเหตุคือใคร จากนั้นจะส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย ก่อนนัดสอบปากคำที่สำนักงานอัยการจังหวัดสระแก้ว ร่วมกับสหวิชาชีพ ขณะนี้จะเพิ่มความเข้มงวดรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นต้องกลับเข้าที่พักไม่เกินเวลา 22.00 น. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการก่อเหตุลักษณะนี้ซ้ำอีก นอกจากนี้จะตรวจสอบเรื่องอาวุธปืนที่ใช้ข่มขู่ผู้เสียหายสงสัยว่าเป็นปืนของพ่อที่เป็นตำรวจ

ส่วนนายปัญญา หรือลุงเปี๊ยก หลังจากไปให้ปากคำกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้กลับมาพักอยู่บ้านพี่ชายใน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ พอรุ่งเช้าหลบนักข่าวไปอยู่ที่วัดใหม่ปากฮ่อง ต.คลองน้ำใส เพื่อเตรียมหาฤกษ์บวช ผู้สื่อข่าวไปพบลุงเปี๊ยกอยู่ที่ศาลาวัด เข้าไปสอบถามเจ้าตัวตอบว่า หนีนักข่าวไม่อยากเจอ มันวุ่นวายชอบถามซ้ำๆซากๆ เมื่อถามว่าเมื่อไหร่จะไปบำบัดพิษสุราเรื้อรัง ลุงเปี๊ยกบอกว่าไม่ไป เมื่อสอบถามเรื่องบวช ลุงเปี๊ยกบอกว่าหลังจากเก็บอัฐิป้ากบแล้วจะหาฤกษ์บวช แต่เมื่อผู้สื่อข่าวไปสอบถามพระครูวินัยธรชาตรี ทินฺนวโร เจ้าอาวาสวัดใหม่ปากฮ่อง เผยว่า ลุงเปี๊ยกยังไม่เคยมาปรึกษาว่าจะบวช แต่คงบวชไม่ได้เนื่องจากเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง

...

ด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอรายงานอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจาก พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 ถึงมูลเหตุและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ยืนยันว่าตั้งแต่ลุงเปี๊ยกรับสารภาพได้พาไปชี้จุดเกิดเหตุเก็บพยานหลักฐาน คราบเลือดดีเอ็นเอส่งตรวจ แต่ผลยังไม่ออก และยังมีเหตุสงสัยทางคดี จึงส่งตัวไปฝากขังไว้ก่อนตามกฎหมาย ขณะเดียวกันได้ส่งชุดสืบสวนไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามข้อสงสัยก็พบว่าผู้ก่อเหตุไม่ใช่ลุงเปี๊ยก จึงไปทำเรื่องขอปล่อยตัวออกจากเรือนจำทันที ยอมรับว่าในส่วนตัวคดีนี้ก็มีความสงสัย สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ ผบช.ภ. 2 ลงไปตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกทั้งหมดในทุกประเด็น หากพบว่ามีตำรวจนายใดเข้าไปเกี่ยวข้องทางคดีที่ผิดกฎหมายจะดำเนินการอย่างไม่ละเว้น

ส่วนที่กระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าครอบครัวตำรวจมักจะไปก่อเหตุ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ยอมรับว่าต้นทุนทางสังคมของตำรวจมักจะติดลบอยู่แล้ว ตำรวจทั้งประเทศมีกว่า 2 แสนนาย เมื่อมีผู้ก่อเหตุที่เป็นลูกตำรวจ หรืออดีตตำรวจก็มักจะเป็นข่าว อยากให้เชื่อมั่นว่าที่ผ่านมาตำรวจทำคดีไปตามพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยายามตัดวงจรให้ได้มากที่สุด เช่นเดียวกับคดีครูเจี๊ยบ น้องหยอด ที่พยายามทำให้เห็นวงจรอาชญากรรมของเครือข่ายนี้ให้ได้มากที่สุด หลังจากนี้ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการรวบรวมสถิติทางคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนย้อนหลังไป 5 ปี เพื่อนำมาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมและจะส่งต่อให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาดำเนินการแก้กฎหมายกับเยาวชนที่กระทำผิดร้ายแรงได้บ้าง โดยให้ส่งรายงานมาให้ภายใน 31 ม.ค.นี้

นายโกมล พรมเพ็ง รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า กรณีเยาวชนที่ก่อเหตุใน จ.สระแก้ว ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสถิติเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดส่วนใหญ่เกิดจากครอบครัวแตกแยกกว่าร้อยละ 70 ส่วนอีกร้อยละ 30 ก็ไม่ใช่ครอบครัวที่อบอุ่น หรือดูแลเด็กได้เหมาะสม ดังนั้น ครอบครัวและชุมชนถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างเด็กและเยาวชนที่มีคุณภาพขึ้นมา สำหรับเด็กทั้ง 5 คนตอนนี้ได้รับการควบคุมตัวอยู่ที่สถานพินิจฯ จ.สระแก้ว พนักงานคุมประพฤติกำลังประมวลข้อเท็จจริง และรายงานประวัติของเด็ก ทั้งพฤติกรรมส่วนตัว การศึกษา การประกอบอาชีพ รวมถึงพฤติการณ์เกี่ยวกับคดี เพื่อรายงานส่งศาลพิจารณาต่อไป

รองอธิบดีกรมพินิจฯกล่าวต่อไปว่า อีกประเด็นที่สำคัญคือการขอเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้ขยายอายุการรับโทษทางอาญาให้ต่ำลง เดิมเด็กที่กระทำผิดต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาต้องอายุ 10-18 ปี ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 มีการแก้ไข พ.ร.บ.เพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญา ฉบับ 29 พ.ศ.2565 แก้ไขจากอายุ 10 ปี เป็น 12 ปี ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะนี้อยู่ระหว่างการบังคับใช้ หากจะมีการขอแก้ไขต้องประเมินผลกฎหมายไประยะหนึ่ง เพราะจากการศึกษาทางการแพทย์มองว่าเด็กอายุ 7-12 ปี เป็นเด็กประถมศึกษา ยังไม่มีพัฒนาการด้านร่างกายและกระบวนการคิดวิเคราะห์แยกแยะถูกผิดหรือควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ที่นำไปสู่การก่อความรุนแรงหรือกระทำความผิด กรมพินิจฯจึงต้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 12 ปี หากกระทำผิดจะเข้าสู่กระบวนการแก้ไขฟื้นฟูตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กของกระทรวง พม.ต่อไป

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่