“วิระชัย ทรงเมตตา” รรท.ผบ.ตร. เดินหน้าคลี่คลายคดี 2 มือปืน จยย.บุกยิงถล่มรถยนต์ส่วนตัว “บิ๊กโจ๊ก”ที่จอดอยู่หน้าร้านนวดย่านสุรวงศ์ ประชุมเครียดชุดสืบสวน ตัดประเด็นความขัดแย้งทางธุรกิจและเรื่องชู้สาว รับพฤติกรรมมือปืนน่าจะเป็นมืออาชีพ เป็นคดีท้าทายศักดิ์ศรีและความสามารถตำรวจ ถ้าจับไม่ได้จะทำให้ได้ใจ เรียกสอบบิ๊กโจ๊กเที่ยงวันที่ 8 ม.ค.นี้ที่ สน.บางรัก

นักข่าวถามประเด็นร้อน การร้องเรียนโครงการไบโอแมทริกซ์และโครงการรถไฟฟ้าอัจฉริยะหรือไม่ ระบุยังสืบสวนไม่ถึง ด้าน พฐ.รื้อรถของกลางหาหลักฐานเพิ่มเติม พบหัวกระสุนในรถอีก 1 หัวนอกจากที่พบในที่เกิดเหตุแล้ว 1 หัว ผู้จัดการร้านนวดเผย “บิ๊กโจ๊ก” เข้ามานวด เป็นประจำ 10 ปีแล้ว วันเกิดเหตุนอนนวดได้ประมาณ 1 ชม. คนร้ายถึงตามมายิงรถ ทั้งที่รถที่ขับมาไม่เคยเห็นมาก่อน “บิ๊กป้อม” เผยไม่รู้ยิงถล่มรถ “บิ๊กโจ๊ก” เรื่องส่วนตัวหรือไม่ ให้ตำรวจสืบสวน

กรณีเมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 6 ม.ค. คนร้าย 2 คน สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ขี่รถ จยย.ฮอนด้า คลิก สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บุกกระหน่ำยิงรถยนต์เลกซัส อาร์เอ็กซ์ 270 สีขาว ทะเบียน 9 กจ 351 กรุงเทพมหานคร ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรี และอดีต ผบช.สตม. ที่จอดอยู่ตรงข้ามร้านสาริกา มาสสาจ ซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก แล้วขี่รถหลบหนีมุ่งหน้าไปแยกอังรีดูนังต์ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม 4 มุ่งหน้ามาแยกสามย่าน เบื้องต้นตำรวจ สน.บางรัก รีบมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ สอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไม่ได้อยู่ในรถ แต่อยู่ในร้านนวด

...

ความคืบหน้าจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 7 ม.ค. พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. เนื่องจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ลาราชการเดินทางไปต่างประเทศ เรียกประชุมชุดสืบสวน ประกอบด้วย พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผกก.น.6 พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.บางรัก พร้อม กำลังชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. ตำรวจ กก.สส.บก.6 และฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก ใช้เวลาประชุมประมาณ 45 นาที

พล.ต.อ.วิระชัยเผยว่า จากการประชุมร่วมระหว่างชุดสืบสวนสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะรู้จักเส้นทางและทราบกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี ทำให้ทราบว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์จะเดินทางมาที่แห่งนี้ด้วยวิธีการใด ลักษณะของคนร้ายยังสามารถใช้ปืนได้เป็นอย่างดี น่าจะมีความเชี่ยวชาญมากพอสมควร สันนิษฐานเบื้องต้น มีคนร้ายมากกว่า 2 คนที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด มอบหมายให้ชุดสืบสวนติดตามแผนประทุษกรรมมาเทียบเคียงว่าเคยมีคนร้ายก่อเหตุลักษณะนี้กับใครหรือไม่

“จากการสอบถาม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ทางโทรศัพท์ทราบว่า เจ้าตัวไม่ได้ทำธุรกิจอะไร ไม่น่ามีความ ขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ และไม่มีประเด็นเรื่องชู้สาว แต่เป็นการสร้างสถานการณ์หรือไม่ ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เนื่องจากยังสอบพยานแวดล้อมที่เกี่ยวข้องไม่เสร็จ ยังต้องรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และประจักษ์พยานก่อนได้ข้อสรุปที่แน่ชัด วันที่ 8 ม.ค. เวลา 12.30 น. นัด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์มาสอบปากคำที่ สน.บางรัก เพื่อหาสาเหตุอีกครั้ง” รรท.ผบ.ตร.กล่าว

พล.ต.อ.วิระชัยกล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 20.17 น. พบภาพผู้ต้องสงสัยชาย 2 คน ขี่และซ้อน จยย.ฮอนด้า คลิก สีดำไม่ติด แผ่นป้ายทะเบียน ทั้งคู่คลุมผ้าแบบไอ้โม่งสวมทับด้วยหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ใส่ถุงมือ คนขี่ใส่เสื้อคลุมสีครีม กางเกงยีนส์ ส่วนคนซ้อนสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ ขี่รถเข้าถนนสุรวงศ์ เลี้ยวเข้าซอยสาริกา เมื่อพบรถยนต์ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ใช้ปืนกระหน่ำยิงช่วงประตูด้านหลังซ้ายทันที อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นกระสุนขนาดใด หลังก่อเหตุแล้วขี่รถย้อนกลับมาทางเดิม ขณะนี้กำลังสืบสวนมูลเหตุหรือแรงจูงใจ กรณีนี้เป็นเรื่องท้าทายศักดิ์ศรีและความสามารถของตำรวจ ไม่ว่าจะเกิดกับประชาชนหรือผู้ใด แม้จะไม่มีใครบาดเจ็บ หากจับคนร้ายไม่ได้ คนร้ายอาจได้ใจ อีกทั้งจุดเกิดเหตุยังเป็นแหล่งชุมชน เป็นแหล่งท่องเที่ยว

ผู้สื่อข่าวถามว่า คนร้ายยิงถล่มรถบิ๊กโจ๊กเกี่ยวข้องกับกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังจะเรียก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ไปให้ข้อมูลเรื่องการทุจริตโครงการไบโอ-แมทริกซ์ และโครงการรถไฟฟ้าอัจฉริยะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฐานะเคยทำหนังสือท้วงติงโครงการดังกล่าว พล.ต.อ.วิระชัยตอบว่า ชุดสืบสวนยังสืบสวนไปไม่ถึงขั้นนั้น แต่การสืบสวนต้องวิเคราะห์ทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง

ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) เมื่อเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ พฐ.นำรถยนต์เลกซัส อาร์เอ็กซ์ 270 สีขาว ทะเบียน 9 กจ 351 กรุงเทพมหานคร ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล มาตรวจหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ วิถีกระสุน ร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกระสุน และหาหลักฐานต่างๆที่อาจพบภายในรถ เพื่อเป็นข้อมูลหลักฐานและเป็นแนวทางการสืบสวน ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.

ต่อมา พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. และ พล.ต.ท.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผบช.สพฐ. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมวางแนวทางการสืบสวน และสรุปพยานหลักฐานที่ตรวจพบในรถใช้เวลาประมาณ 1 ชม. พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจพิสูจน์รถที่ถูกยิง พบร่องรอยถูกกระสุนปืน 8 นัดข้างตัวรถด้านซ้าย ที่ประตูหน้า 1 นัด และประตูหลัง 7 นัด คดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญ ผู้บังคับบัญชาสั่งให้เร่งรัดผลการตรวจสอบวิถีกระสุน ตรวจหัวกระสุน วิเคราะห์เนื้อโลหะกระสุน ตรวจเปรียบเทียบหัวกระสุนปืนด้วยระบบอัตโนมัติของ พฐ. เร่งรัดตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุย้อนหลัง 7 วัน และติดตามประจักษ์พยาน หรือพยานแวดล้อม หรือบุคคลที่รู้เห็น

...

“เบื้องต้นพบหัวกระสุนฝังอยู่ที่ประตูรถ 1 นัดและตกในที่เกิดเหตุอีก 1 นัด การทำงานวางไว้ 3 มาตรการคือ 1.ชุดสืบสวน สน.บางรัก ทำหน้าที่ตรวจสอบบริเวณพื้นที่เกิดเหตุและใกล้เคียง 2.เจ้าหน้าที่ บก.สส.บก.น.6 เป็นพี่เลี้ยง ตรวจเช็กกล้องวงจรปิดทั้งหมด และ 3.บก.สส.บช.น. ที่ชำนาญการตรวจสอบหารายละเอียดต่างๆเข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ตำรวจอยากรื้อภายในรถเพื่อตรวจสอบหาร่องรอยกระสุนอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ต้องได้รับการอนุญาตจากเจ้าของรถก่อน สำหรับการให้ข่าวด้านคดี ผบช.น.เป็นผู้เปิดเผย ด้านพยานหลักฐานให้ ผบช.สพฐ. เพื่อไม่ให้เกิดการสับสนในคดี” พล.ต.ท.ปิยะกล่าว

ต่อมา พล.ต.ท.ปิยะเผยอีกว่า ได้รับความร่วมมือจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กรณีอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ พฐ.รื้อเบาะภายในรถได้ เพื่อให้ชุดทำงานตรวจหาร่องรอยวิถีกระสุนและหัวกระสุน คาดว่าจะเจอวัตถุพยานตกอยู่ในรถ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานไปแล้ว 6 ปาก

หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวเดินทางตรวจสอบภายในซอยสาริกา พบชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.6 และ สน.บางรัก สอบสวนพยานในร้านคิงส์ บอดี้ เฮ้าส์ ติดกับที่เกิดเหตุ ผู้จัดการร้านนวดคิงส์ บอดี้ เฮ้าส์ เผยว่า ขณะเกิดเหตุนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ในร้าน ได้ยินเสียงคล้ายประทัดดังขึ้นหลายครั้ง ทีแรกนึกว่ามีใครมาทุบกระจกร้าน หลังสิ้นเสียงดังพนักงานนวดมาบอกตนว่ามีคนร้ายใช้ปืนยิงใส่รถยนต์ที่จอดอยู่หน้าร้าน ตอนนั้นเห็นรถ จยย.สีดำที่คนร้ายขี่ซ้อนท้ายกันมา 2 คน แต่งกายมิดชิด สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ เร่งเครื่องออกจากจุดเกิดเหตุใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที

“ส่วน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ขณะเกิดเหตุใช้บริการนวดอยู่ที่ชั้นบนของร้าน เข้ามาใช้บริการตั้งแต่เวลา 18.30 น. เพียงคนเดียว ไม่มีตำรวจติดตาม นวดไปประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ จึงเกิดเหตุ สำหรับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ถือเป็นลูกค้าประจำของร้าน มาใช้บริการนานกว่า 10 ปี ระยะหลังเข้ามาใช้บริการประมาณเดือนละครั้ง จะจอดรถตรงจุดที่เกิดเหตุอยู่เป็นประจำ ยืนยันว่ารถคันที่ถูกยิง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ขับมาเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นมาก่อน

...

ขณะเดียวกัน พนักงานนวดที่ให้บริการ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เผยว่า ตอนเกิดเหตุ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นอนหลับอยู่บนเตียงนวด ตนและพนักงานนวดอีกคนได้ยินเสียงคล้ายประทัดแต่ไม่ได้เอะใจ กระทั่งผู้ดูแลร้านขึ้นไปแจ้งเรื่องให้ทราบ พอนวดเสร็จปลุก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ แจ้งว่ารถถูกยิง เจ้าตัวไม่มีอาการตกใจ ทั้งยังบอกกับผู้ดูแลร้านว่า ไม่ต้องแจ้งความเดี๋ยวดำเนินการเอง จากนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปตรวจสอบรถที่ได้รับความเสียหาย

ส่วนผู้ดูแลร้านนวดเผยว่า ร้านนวดแห่งนี้เปิดมานานกว่า 24 ปี ให้บริการนวดนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่จำนวนมาก เช่น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รวมถึง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรี และอดีต ผบช.สตม. ตลอดเวลาที่เปิดให้บริการไม่เคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้ ครั้งนี้ถือว่าอุกอาจมาก เนื่องจากย่านดังกล่าวถือว่าเป็นย่านเศรษฐกิจ ที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ และใช้บริการนวดเป็นจำนวนมาก

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีคนร้ายยิงรถ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ว่า ยังไม่ได้รับรายงาน ส่วนจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือสร้างสถานการณ์หรือไม่นั้น ไม่รู้ ขอให้เขารายงานมาก่อน ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังประชุม ครม.ว่า เป็นเรื่องของตำรวจ ต้องให้ตำรวจสืบหาข้อเท็จจริงก่อน ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุว่ามาจากเรื่องอะไร ยังไม่ได้คุยกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เลย ส่วนจะมีงานอะไรที่ทำให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์สุ่มเสี่ยงถูกลอบยิง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องไปถาม พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ดูเอง