คดีที่ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. แถลงผลจับแก๊งชาวเกาหลีใต้หลอกนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นมาลงทุนในไทย

คดีนี้ชุดสืบสวน กก.1 บก.สส.บช.สตม. ควบคุมตัว นายโฮวง จีโอนิล ชาวเกาหลีใต้ ซึ่งได้ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร

เป็นภัยต่อสังคมไทย

นายโฮวง ผู้ต้องหาหลอกนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น 3 ราย น.ส.มาริน่า ยามากุชิ นายโคเฮ ยามากุชิ และ นายเคนทาโร่ โคกะ ซึ่งเป็นนักธุรกิจอยู่ในประเทศญี่ปุ่น

ผู้ต้องหาชาวเกาหลีและผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นรู้จักกันที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อสนิทสนมกันมากขึ้น ผู้ต้องหาได้ชักชวนให้นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นมาร่วมลงทุนซื้อหุ้นในประเทศไทย

ผู้ต้องหาอ้างว่า ได้เดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง มีความคุ้นเคยในเมืองไทย

มีช่องทางในการลงทุนในไทย และจะได้ผลตอบแทนเป็นอย่างดี

จนกลุ่มผู้เสียหายนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นหลงเชื่อนำเงินเข้ามาลงทุนในไทย

ช่วงเดือน ต.ค. น.ส.มาริน่า ยามากุชิ พร้อมด้วย นายโคเฮ ยามากุชิ น้องชาย เดินทางมาที่ไทย ผู้ต้องหาได้ชักชวนให้มาพักในคอนโดแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท 13 โดยที่เดินทางมาเพื่อมอบเงินให้ไปลงทุนซื้อหุ้น

นายโฮวงได้ชักชวน นายเคนทาโร่ โคกะ ซึ่งเป็นเพื่อนนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นอีกคนให้เดินทางมาที่ประเทศไทยในช่วงเวลาเดียวกัน และเข้ามาพักที่คอนโดแห่งเดียวกัน

เพื่อร่วมลงทุนด้วยกัน

เมื่อผู้เสียหายทั้ง 3 คน เข้ามาอยู่ในไทย ผู้ต้องหาได้ยึดพาสปอร์ต และเอกสารการเดินทางออกเพื่อไม่ให้หลบหนีไปไหน แต่ทั้งหมดยังใช้ชีวิตได้อย่างปกติ เพื่อรอเงินปันผลที่ได้จากการร่วมลงทุน

พอผู้เสียหายทั้ง 3 คน ทวงถามถึงเงินที่ร่วมลงทุนด้วยกัน ผู้ต้องหากลับบ่ายเบี่ยง จนกลุ่มผู้เสียหายชักเอะใจถึงความผิดปกติว่ามีการนำไปลงทุนจริงหรือไม่

...

ทวงถามมากขึ้นผู้ต้องหาเริ่มลงมือทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย และข่มขู่จะให้แก๊งยากูซ่าในประเทศญี่ปุ่นทำร้ายครอบครัวที่พักอยู่ในประเทศญี่ปุ่น หากยังเซ้าซี้ทวงถามเรื่องเงินที่มาร่วมลงทุนอีก

ก่อน น.ส.มาริน่า 1 ใน 3 เหยื่อนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ถูกกักขังหลบหนีออกมาจากคอนโด ซอยสุขุมวิท 13 มาขอความช่วยเหลือจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และประสาน สตม.ช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกกักขัง

เป็นที่มาของการขยายผลจับกุมผู้ต้องหา.

“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th