ผมก็เพิ่งทราบนี่แหละครับว่าวันจันทร์ที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมานี้เป็น “วันแห่งความสุขสากล” หรือ “International Day of Happiness” ที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดขึ้นตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมาไม่เพียงแค่จะกำหนดให้วันที่ 20 มีนาคมของทุกปีเป็นวันแห่งความสุขเท่านั้น สหประชาชาติยังมีมติให้จัดทำดัชนีชี้วัดความสุขขึ้นชุดหนึ่ง เพื่อนำมาพิจารณาจัดอันดับให้แก่ประเทศสมาชิก อันจะทำให้ทราบว่าประเทศต่างๆในโลกนี้ใครมีความสุขมากน้อยอย่างไรบ้างจะได้หาวิธีการและจัดโครงการต่างๆไปให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน เพื่อเพิ่มความสุขให้แก่ประเทศสุขน้อยให้มีความสุขมากขึ้นดัชนีชี้วัดล่าสุดที่สหประชาชาตินำมาใช้มีทั้งผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือจีดีพีต่อหัว, อายุขัยเฉลี่ยของประชากร, เสรีภาพในการเลือกการใช้ชีวิตและการทำงาน, ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ในสังคม, ความโปร่งใส ฯลฯนับว่าเป็นการประมวลดัชนีที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์มากที่สุด เพราะจะรวมการวัดที่เป็นนามธรรมทางด้านความสุขเอาไว้อีก 2-3 หัวข้อทางสหประชาชาติโดยเครือข่ายการแก้ปัญหาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จะเป็นหน่วยงานที่แถลงให้ทราบถึงดัชนีดังกล่าวนี้ในวันที่ 20 มีนาคมหรือวันแห่งความสุขสากลของทุกปี รวมทั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ก็ได้มีการแถลงอันดับความสุขของประเทศต่างๆทั่วโลกประจำปี 2017 รวม 155 ประเทศเป็นที่เรียบร้อยผลปรากฏว่าแชมป์โลกแห่งความสุขหรือประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกปีนี้ (2017) ได้แก่ นอร์เวย์ ครับ ตามมาด้วยอันดับ 2 เดนมาร์ก ซึ่งเป็นแชมป์ความสุขเมื่อปีกลาย อันดับ 3 ได้แก่ ไอซ์แลนด์ อันดับ 4 สวิตเซอร์แลนด์ และอันดับ 5 ฟินแลนด์ในขณะที่อันดับ 6 เป็นของ เนเธอร์แลนด์ อันดับ 7 แคนาดา อันดับ 8 นิวซีแลนด์ อันดับ 9 สวีเดน และอันดับ 10 ได้แก่ ออสเตรเลียสำหรับอันดับ 155 หรือความสุขน้อยที่สุดของโลกเป็นของ เซ็นทรัล แอฟริกัน รีพับลิก ตามมาด้วย 154 บุรุนดี 153 แทนซาเนีย 152 ซีเรีย และ 151 รวันดาประเทศไทย ของเราอยู่ในอันดับที่ค่อนข้างมีความสุขครับ คืออยู่ในอันดับที่ 32 ของโลก ขยับขึ้นมาจากปีที่แล้ว 1 อันดับในกลุ่มอาเซียน เราเป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ซึ่งติดอันดับ 26 ของโลก และดีกว่า มาเลเซีย อันดับ 42 โลก, ฟิลิปปินส์ อันดับ 72 โลก, อินโดนีเซีย 81 โลก, เวียดนาม 94 โลก, พม่า 114 โลก, กัมพูชา 129 โลก อย่างเห็นได้ชัดจริงๆแล้วเมื่อมองขึ้นไปในระดับทวีปเอเชียเราก็เป็นที่ 3 นะครับ เพราะที่ 1 ของเอเชีย ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (21 โลก) ที่ 2 ได้แก่ สิงคโปร์ (อันดับ 26 โลก) ถัดมาที่ 3 ก็ ไทยแลนด์ เรา (อันดับ 32 โลก) แล้วก็เป็น ไต้หวัน ที่ 4 เอเชีย (อันดับ 33 โลก) และ การ์ตา ที่ 5 เอเชีย (35 โลก) ตามลำดับครับ! มองจากมุมนี้ก็ควรจะภาคภูมิใจ เพราะอย่างน้อยก็ได้เป็นที่ 3 ของเอเชีย และที่ 2 อาเซียน เบาอยู่ซะเมื่อไรล่ะเมื่อเดือนที่แล้วก็เคยมีการประกาศผลการสำรวจอีกดัชนีหนึ่ง จากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ที่เรียกกัน Misery Index หรือดัชนีว่าด้วยความทุกข์ยาก โดยคิดจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานเป็นหลักปรากฏว่าเราได้แชมป์ไปครอง เพราะมีความทุกข์น้อยที่สุดในโลก ดังที่ผมได้เขียนรายงานไปแล้วช่วงนั้นตัวเลขชุดใหม่นี้ยังไม่ออก เราก็เลยสรุปกันไปพลางๆก่อน ว่า เมื่อเราทุกข์น้อยที่สุดในโลก ก็แปลว่าเรามีความสุขที่สุดในโลกน่ะซีแต่มาถึงวันนี้ตัวเลขที่เกี่ยวกับความสุขตัวจริงเสียงจริง ซึ่งมีการวัดด้วยดัชนีหลายตัวกว่า ครอบคลุมกว่าและเป็นของสหประชาชาติด้วย เขาออกมาแล้ว เราหล่นไปอยู่อันดับ 32 อย่างที่ว่า ซึ่งไม่เป็นไร เพราะโดยเฉลี่ยแล้วก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีดังได้กล่าวไว้แล้วเนื่องจากในวันแห่งความสุขสากล 20 มีนาคมที่ผ่านมา ผมไม่ได้อวยชัยให้พร หรือ ส.ค.ส.ส่งความสุขให้แก่ท่านผู้อ่านเลย (เพราะผมเอง ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพิ่งจะรู้วันนี้แหละ) จึงขออนุญาต ส.ค.ส.ย้อนหลังเสียตามระเบียบขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยมีความสุขมากๆนะครับ และช่วยกันสร้างความสุขอย่างเต็มที่ เพื่อให้อันดับโลกความสุขของเราจะขยับสูงขึ้นไปอีกในปีต่อๆไป.“ซูม”