
Netflix ประกาศปรับขึ้นราคาค่าสมาชิกในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา หลังจากที่ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งรายใหญ่รายงานยอดสมาชิกใหม่พุ่งขึ้นถึง 19 ล้านคนในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 ทำให้จำนวนสมาชิกทั่วโลกของบริษัทแตะระดับ 302 ล้านคน ซึ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมสตรีมมิ่ง
โดยสาเหตุที่ทำให้ Netflix ประสบความสำเร็จอย่างสูงในไตรมาสนี้ มาจากการถ่ายทอดสด "การแข่งขันชกมวยระหว่าง ไมค์ ไทสัน และ เจค พอล" เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งทำลายสถิติการถ่ายทอดสดกีฬาที่มีผู้ชมสูงสุดด้วยยอดผู้ชมทั่วโลกถึง 108 ล้านคน ตามมาด้วยการถ่ายทอดสดฟุตบอล NFL สองนัดในวันคริสต์มาส ที่ทำสถิติเกมฟุตบอลที่มีการสตรีมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยยอดผู้ชมเฉลี่ย 30 ล้านคนทั่วโลก
นอกจากนี้ ซีรีส์ดัง "สควิดเกม" ซีซัน 2 ยังสร้างปรากฏการณ์ด้วยยอดผู้ชมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 68 ล้านครั้งในสัปดาห์แรก และล่าสุด Netflix ได้เพิ่มรายการมวยปล้ำ WWE "RAW" ในผังรายการถ่ายทอดสดทุกคืนวันจันทร์ เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 Netflix ได้ประกาศปรับขึ้นราคาค่าสมาชิกหลายระดับ
โดยแผนมาตรฐานแบบไม่มีโฆษณาจะเพิ่มจาก 15.49 เป็น 17.99 ดอลลาร์ต่อเดือน แผนที่มีโฆษณาเพิ่มจาก 6.99 เป็น 7.99 ดอลลาร์ต่อเดือน และแผนพรีเมียมที่รองรับวิดีโอคุณภาพ 4K จะเพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์เป็น 24.99 ดอลลาร์ต่อเดือน พร้อมกันนี้ ค่าบริการเพิ่มสมาชิกนอกครัวเรือนจะปรับขึ้น 1 ดอลลาร์เป็น 8.99 ดอลลาร์ต่อเดือน
ในจดหมายถึงนักลงทุน Netflix ระบุว่า "เราจำเป็นต้องขอให้สมาชิกจ่ายเพิ่มเล็กน้อย เพื่อที่เราจะสามารถลงทุนในการพัฒนาคอนเทนต์และมอบคุณค่าที่มากขึ้นให้กับสมาชิกของเราได้อย่างต่อเนื่อง" อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นราคาครั้งนี้สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมที่ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งรายอื่นๆ อย่าง Disney, Max, Peacock และ Apple ต่างทยอยปรับขึ้นราคาในช่วงที่ผ่านมา
โดย Netflix เองก็เพิ่งปรับราคาแผนมาตรฐานครั้งล่าสุดไปเมื่อปี 2565 ด้านผลประกอบการ บริษัทรายงานรายได้ในไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 16% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เกิน 10,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2,300 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ยังประกาศแผนซื้อหุ้นคืนมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 13%
ในช่วงบ่ายวันอังคาร Ted Sarandos ประธานร่วมบริหารของ Netflix กล่าวว่า "แม้ในไตรมาสที่ผ่านมาเราจะมีกิจกรรมสดที่ยิ่งใหญ่ถึง 3 รายการ ทั้งศึกมวยประวัติศาสตร์ เกม NFL สองนัด และซีรีส์ดัง 'สควิดเกม' ซีซัน 2 ที่ทำสถิติผู้ชมสูงสุด แต่เรายังคงมองหาโอกาสในการเติบโตจากการถ่ายทอดสดกีฬาและอีเวนต์ต่างๆ ต่อไป หากมีช่องทางที่เราสามารถสร้างผลประโยชน์ร่วมกันได้ทั้งเรา และลีกกีฬาต่างๆ" ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการดึงดูดผู้ชมของคู่มวยประวัติศาสตร์ ระหว่าง เจค พอล และ ไมค์ ไทสัน ได้กลายเป็นบทพิสูจน์สำคัญต่ออุตสาหกรรมสตรีมมิ่งและเป็นสัญญาณที่ดีให้กับ Netflix
ทั้งนี้ Netflix ยังประกาศว่าจะเปลี่ยนรูปแบบการรายงานจำนวนสมาชิก จากเดิมที่รายงานเป็นรายไตรมาส เป็นการเผยแพร่ "รายงานการมีส่วนร่วม" ทุก 6 เดือนแทนอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของจำนวนสมาชิกในครั้งนี้ ยิ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำของ Netflix ในตลาดสตรีมมิ่ง ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงจากบริษัทสื่อดั้งเดิมที่ทุ่มงบหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อเปิดบริการสตรีมมิ่งของตัวเอง แม้คู่แข่งอย่าง Disney และบริษัทแม่ของ CNN อย่าง Warner Bros. Discovery จะเพิ่งเริ่มทำกำไรได้ในธุรกิจสตรีมมิ่งเป็นครั้งแรก แต่ก็ยังคงตามหลัง Netflix อยู่มาก
โดย Netflix ระบุในรายงานผลประกอบการว่า "เราโชคดีที่ไม่ต้องกังวลกับการบริหารธุรกิจแบบดั้งเดิมที่กำลังถดถอย และด้วยการมุ่งมั่นลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น"
อ้างอิงข้อมูลจาก CNN
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -