ภายใต้ข้อตกลงเดิม ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok จำเป็นต้องหาผู้ซื้อรายใหม่ไม่เช่นนั้นจะถูกปิดกิจการในวันที่ 19 มกราคม อย่างไรก็ตามยังไม่มีการรายงานถึงข้อตกลงจากผู้ซื้อรายใหม่ที่ชัดเจน แม้จะมีกระแสข่าวว่า Elon Musk อาจจะเป็นผู้อุปถัมภ์แอปจีนรายนี้คนต่อไป
ทว่าสถานการณ์ล่าสุดอาจสร้างความหวังให้กับการมีอยู่ของแอป TikTok ในสหรัฐ โดยมีรายงานว่าอดีตประธานาธิบดี Joe Biden เลือกที่จะไม่บังคับใช้กฎหมายห้ามดังกล่าวและปล่อยให้ Donald Trump ประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้ตัดสินใจแทน
ซึ่งจะเปิดโอกาสให้กับคณะทำงานของประธานาธิบดี Donald Trump ที่แสดงความเต็มใจปกป้อง TikTok อาจดำเนินการเพื่อชะลอการบังคับใช้กฎหมายห้ามดังกล่าวออกไปนานถึง 90 วันโดยอ้างถึงเส้นตายเดิมซึ่งตรงกับช่วงเสาร์อาทิตย์และต่อเนื่องด้วยกับช่วง Martin Luther King Jr. federal holiday ในวันจันทร์ที่ 20 มกราคมซึ่งเป็นวันหยุดราชการของประเทศ
ด้าน Donald Trump ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 มกราคมเช่นเดียวกัน ได้ระบุว่าเขาอาจเลื่อนการแบนออกไปนานถึง 90 วันโดยผ่านการดำเนินการของฝ่ายบริหาร เพื่อให้มีเวลาสำหรับการเจรจาขณะที่ด้านของศาลฎีกาสหรัฐฯ กำลังพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของการแบน หากศาลมีคำสั่งห้าม ศาลอาจเลื่อนหรือหยุดการแบนจนกว่าจะมีการตัดสินขั้นสุดท้าย
ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา ByteDance สู้กับทางการสหรัฐฯ ผ่านทางชั้นกฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง โดยศาลยังยืนหยัดต่อกฎหมาย Protecting Americans From Foreign Adversary Controlled Applications Act ที่มองว่า TikTok เป็นภัยความมั่นคง โดยช่วงต้นสัปดาห์นี้ ByteDance ยังปฏิเสธที่จะไม่ขายกิจการให้กับใคร
ทว่าผู้ที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้กล่าวว่าเจ้าหน้าที่จีนกำลังประเมินทางเลือกที่เป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการที่เสนอกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับผู้ที่มีความเป็นไปได้อย่าง การเสนอกิจการในสหรัฐฯ ให้กับ Elon Musk เข้าซื้อในฐานะพันธมิตรที่โดดเด่นของ Trump และมีบทบาทในรัฐบาลชุดใหม่ รวมถึงมหาเศรษฐีหลายรายที่สนิทสนมกับ Trump รวมถึง Oracle และ Amazon ซึ่งเป็นบริษัทที่ TikTok ทำธุรกิจด้วยอยู่แล้ว ก็ถูกเสนอชื่อให้เป็นผู้แข่งขันเช่นกัน
หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลชุดใหม่ของ Trump ที่เข้าข้าง TikTok แล้วอาจสั่งให้กระทรวงยุติธรรมยุติการบังคับใช้กฎหมายด้วยการลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารซึ่งจะระงับการบังคับใช้กฎหมาย หรืออีกทางเลือกหนึ่งคืออนุญาตให้ใช้กฎหมายนี้ต่อไป แต่บอกกระทรวงยุติธรรมยุติการบังคับใช้กฎหมาย
เดิมทีพรรครีพับลิกันเคยพยายามแบน TikTok ในช่วงดำรงตำแหน่งครั้งแรก แต่เปลี่ยนจุดยืนมาได้ใช้แอปดังกล่าวในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยล่าสุด โดยให้เครดิตว่า TikTok มีส่วนสำคัญในการเผยแพร่แนวคิด America First และช่วยให้พรรครีพับลิกันขยายการเข้าถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นเยาว์ได้
Michael Waltz ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติคนใหม่ของ Trump กล่าวว่ารัฐบาลชุดต่อไปตั้งใจที่จะหาวิธีขยายกำหนดเวลาและใช้มาตรการต่างๆ เพื่อหาวิธีที่จะ “รักษา” TikTok ไว้โดยไม่คำนึงถึงคำตัดสินของศาล นอกจากนี้รัฐบาลจะแจ้งกับ Apple และ Google ว่าจะไม่ถูกลงโทษหากยังอนุญาตให้เข้าถึง TikTok ต่อไป ซึ่งหมายความว่ากฎหมายจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป แต่จะกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น
มากไปกว่านั้น Trump ยังได้รับการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นจากผู้บริหารด้านเทคโนโลยีรายใหญ่และการสนับสนุนจากมหาเศรษฐี Jeff Yass ซึ่งถือหุ้นใหญ่ใน ByteDance และยังเป็นผู้บริจาคเงินรายใหญ่ของพรรครีพับลิกันอีกด้วย โดยมีรายงานระบุต่อเนื่องอีกว่า Shou Chew ซีอีโอของ TikTok ได้วางแผนที่จะเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ Trump ในวันที่ 20 มกราคมเช่นเดียวกัน
ภายหลังวันที่ 19 มกราคมนี้ สิ่งที่เป็นไปได้ว่าจะเกิดขึ้น คือ ผู้ใช้ชาวอเมริกันจะไม่สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TikTok ได้ทั้งใน Google Play Store และ App Store ของ Apple ซึ่งสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ ได้แจ้งให้บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ พร้อมที่จะลบแอปดังกล่าวออกทันทีหากผลการพิจารณาเป็นไปตามแผนการเดิม แม้ว่าผู้ใช้ที่เลือกจะเก็บแอปไว้ แต่ TikTok จะไม่เปิดให้ใช้งานต่อสาธารณะ ผู้ใช้ชาวอเมริกันจะไม่สามารถส่งโพสต์หรือสามารถอัปเดตระบบใหม่ๆ ได้อีกต่อไป ซึ่งจะทำให้แอปมีข้อบกพร่องและต้องยุติการใช้งานในท้ายที่สุด แพลตฟอร์มจะยังคงใช้งานได้อย่างน้อยชั่วคราวเท่านั้น
ภายในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีวิดีโอจำนวนมากที่เผยแพร่บน TikTok ซึ่งบอกว่าผู้ใช้อาจใช้งาน TikTok ต่อได้ผ่าน VPN นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งแอปที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตได้โดยการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ ซึ่งอาจละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ และมีความเสี่ยงในตัวของมันเอง
อย่างไรก็ตามทางการได้คาดการณ์ไว้แล้วเช่นกันจึงเสนอให้แบน "บริการโฮสติ้งอินเทอร์เน็ต" ไม่ให้ผู้คนเข้าถึงแอปได้ ยกตัวอย่าง หลังจากที่อินเดียแบน TikTok ในปี 2020 อินเดียก็สั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตปิดกั้นการเข้าถึงแอปดังกล่าวทั้งหมดและแม้ว่าผู้คนจะใช้ VPN ก็ตาม ระบบจะมีวิธีอื่นๆ ที่สามารถตัดสินได้ว่าบุคคลนั้นอยู่ในสหรัฐฯ หรือไม่ จากนั้นก็แสดงหน้าจอที่ระบุว่าแอปดังกล่าวไม่สามารถใช้งานได้ในประเทศของตน
บทความที่เกี่ยวข้อง
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -