การแก้ปัญหายามวิกฤติต้องยอมเจ็บปวดหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม 2563
“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน...หลังจาก คณะรัฐมนตรี มีมติผ่าทางตันแก้ปัญหาวิกฤติหนี้สิน การบินไทย สายการบินแห่งชาติ โดยให้เข้าสู่ แผนฟื้นฟูกิจการ ผ่านกระบวนการของ ศาล เพื่อรักษาสถานภาพ ไม่ให้ การบินไทย เข้าสู่สถานะล้มละลายจากปัญหาหนี้สินสะสมกว่า 200,000 ล้านบาท
ที่อาจทำให้พนักงานกว่า 20,000 คน ต้องตกงานโดนลอยแพทั้งองค์กร...ทั้งนี้ ตามขั้นตอนแผนฟื้นฟู อันดับแรก กระทรวงการคลัง ต้องลดสัดส่วนการถือหุ้นของ การบินไทย จากเดิม 51% ให้เหลือน้อยกว่า 50% เพื่อให้ การบินไทย พ้นสภาพการเป็น รัฐวิสาหกิจ ให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติตามแผนฟื้นฟู จากนั้น การบินไทย จะต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและเสนอตัวเป็นผู้ทำแผนต่อศาล ตั้งคณะทำงานเจรจาเจ้าหนี้ หากศาลรับคำร้องฟื้นฟูกิจการก็จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายให้อยู่ในสภาวะพักชำระหนี้
เมื่อเจรจากับเจ้าหนี้ทั้งในและต่างประเทศและมีการอนุมัติผู้ทำแผน ถ้าศาลเห็นชอบก็จะจัดตั้งผู้ทำแผน ทำหน้าที่ควบคุมกิจการ ประชุมเจ้าหนี้ ปรับปรุงแผนและตั้งผู้บริหารแผนเข้ามาดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการต่อไป...แน่นอนภายใต้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ สิ่งที่หนีไม่พ้น ก็คือต้องมีการ ปรับโครงสร้างองค์กร ลดจำนวนพนักงาน สิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่างๆ เพื่อลดรายจ่าย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความเจ็บปวดที่ คนการบินไทย จะต้องเผชิญ แต่ถือเป็นความจำเป็นเพื่อรักษาองค์กร “สายการบินแห่งชาติ” ที่มีอายุกว่า 60 ปีเอาไว้ตลอดไป

...
ล่าสุด นเรศ ผึ้งแย้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ยอมรับว่าหลังจาก การบินไทย เข้าสู่แผนฟื้นฟูจะหลุดพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ และหลุดพ้นจาก พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ ทำให้สิทธิคุ้มครองแรงงานตามกฎหมายดังกล่าวจะหมดไปด้วย และหากมีการปรับโครงสร้างตามแผนฟื้นฟูกิจการ พนักงานบางส่วน อาจต้องถูกเลิกจ้างโดยจะได้รับค่าชดเชยกรณีถูกเลิกจ้างตามที่กฎหมายกำหนด มันเป็นความจริงที่เจ็บปวด แต่ต้องพูดความจริงกับเพื่อนพนักงาน เพื่อจะได้วางแผน เตรียมตัวเตรียมใจรองรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น นี่คือภารกิจสุดท้ายที่จะทำได้ก่อนสหภาพฯจะถูกยุบ...เกิดขึ้น ตั้งอยู่และก็ดับไป เป็นสัจธรรม
อืม...หันไปที่สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 20 พ.ค. พบมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้วเกือบ 5 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตกว่า 325,000 ราย...แม้ยังมีปัญหาด้านความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสมรณะ แต่ก็เป็นความจำเป็นที่หลายประเทศทั่วโลกต้องคลายล็อก เพื่อให้กลไกเศรษฐกิจเดินหน้าได้ ภายใต้ความหวังว่าจะมีการผลิต วัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ออกมาใช้ในเร็ววัน

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเมืองไทย นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงเมื่อ วันที่ 20 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1 คน ยอดผู้ป่วยสะสม 3,034 คน หายป่วยและกลับบ้านได้แล้ว 2,888 คน รักษาตัวในโรงพยาบาล 90 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้เสียชีวิต 56 ราย...
ทั้งนี้ โฆษก ศบค.แย้มข่าวดีเกี่ยวกับการวิจัยวัคซีนของประเทศไทย ว่า ศูนย์วิจัยวัคซีนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA ขณะนี้ประสบความสำเร็จในการทดลองกับหนู และจะนำไปทดลองกับลิงในสัปดาห์หน้า โดยเตรียมประสานการผลิตวัคซีนชุดแรกกับโรงงานผลิตในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เพื่อนำมาทดลองในคน คาดการณ์ว่าจะใช้ได้ในปี 2564 ถือเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

...
ผ่างๆ...น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศว่า ประเทศไทยเข้าสู่ ฤดูฝน อย่างเป็นทางการตามเกณฑ์ทางอุตุนิยมวิทยาตั้งแต่ วันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมาและจะสิ้นสุดลงในช่วง กลางเดือน ต.ค. โดยในช่วง เดือน ส.ค.-ก.ย.2563 จะเป็นเดือนที่มีฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด และมีโอกาสสูงที่จะมี พายุหมุนเขตร้อน เคลื่อนผ่านประเทศไทยตอนบน ประมาณ 1-2 ลูก ขอให้เกษตรกรที่เพาะปลูกพืชช่วงฤดูฝน วางแผนสำรองน้ำในช่วงที่มีฝนตกน้อย รวมทั้งวางแผนป้องกันผลผลิตทางการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขณะที่ภาคส่วนต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว สาธารณสุข อุตสาหกรรม รวมทั้งประชาชนทั่วไป ควรวางแผนการดำเนินงานเพื่อรองรับความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝนรวมทั้งกักเก็บน้ำสำรองไว้ใช้ภายหลังสิ้นสุดฤดูฝนต่อไปด้วย...โปรดเตรียม พร้อมรับมือกันให้ดี

ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เร่งรัดให้ตรวจสอบระบบระบายน้ำในพื้นที่เสี่ยงเกิดน้ำท่วม เร่งรัดหน่วยงานตรวจสอบสิ่งกีดขวางทางน้ำ 625 แห่ง การขุดลอกแม่น้ำ ลำคลอง และ กำจัดผักตบชวา บริเวณ ลุ่มน้ำภาคกลาง ทั้งแหล่งน้ำปิดทั่วไป และแหล่งน้ำเชื่อมโยง โดยมีรายงานว่าตั้งแต่เดือน ต.ค.2562 ถึงปัจจุบัน
มีการดำเนินการ กำจัด ผักตบชวา ไปแล้ว 2 ล้านตัน โดยจากภาพถ่ายดาวเทียมในเขตพื้นที่ ภาคกลาง 19 จังหวัด พบแหล่งน้ำที่มีผักตบชวาและวัชพืช 128 จุด รวมพื้นที่ 3,574 ไร่ ปริมาณผักตบชวาและวัชพืช 285,920 ตัน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน เดือน มิ.ย.นี้ ...

...
แน่นอน หากทุกหน่วยงานทั้ง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า กรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สนองนโยบายเอาใจใส่ ขุดลอกคู คลอง กำจัดผักตบชวา เพื่อเปิดทางระบายน้ำให้ไหลสะดวก ก็จะช่วยลดปัญหา อุทกภัย ในช่วงหน้าฝนได้มาก... แต่จากสภาพความเป็นจริงหน่วยงานในหลายพื้นที่ยังทำงาน อืดเป็นเรือเกลือ ขนาด แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำสายสำคัญที่เป็นเส้นทางระบายน้ำลงสู่ทะเลในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ปัจจุบันก็ยังมีผักตบชวาแน่นลำน้ำ...วันก่อน พล.อ.ประวิตร จึงต้องลงพื้นที่ติดตามเร่งรัดการ กำจัดผักตบชวาและวัชพืช ที่กีดขวางลำน้ำด้วยตัวเอง

ส่วนที่ จ.นนทบุรี ก็มีปัญหาไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ คลองตาชม หนึ่งในลำคลองสายหลักของ อ.บางบัวทอง และ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ที่เป็นเส้นทางระบายน้ำในช่วงฤดูฝนลงสู่แม่น้ำท่าจีน ปรากฏว่าลำคลองช่วงพื้นที่ หมู่ 6 ต.หนองเพรางาย อ.ไทรน้อย มีสภาพ ตื้นเขิน และ เต็มไปด้วยผักตบชวา กีดขวางทางน้ำเพราะไม่เคยมีการขุดลอกมานานหลายปี
ส่งผลให้ชาวบ้านต้องเผชิญความเดือดร้อน ทั้ง หน้าแล้ง หน้าฝน ต้องฝากเป็นการบ้านให้ ผวจ.นนทบุรี และ นายอำเภอไทรน้อย ลงไปดูแลตรวจสอบด้วย เพราะถ้าเกิด น้ำท่วมหนัก เหมือน ปี 2554 พล.อ.ประวิตร ในฐานะผู้ควบคุมสั่งการนโยบาย คงไม่สบอารมณ์แน่นอน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
สังคมทั่วไป...ศพ ยุพิน เลาหพงศ์ชนะ ภรรยา วิบูลย์ เลาหพงศ์ชนะ มารดา วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ ตั้งสวดศาลา 6 วัดธาตุทอง 18.30 น. ถึง 24 พ.ค. และบรรจุศพ

"ธนูเทพ"