ถ้าพูดถึงเทศกาลศิลปะและดนตรีระดับโลกที่คอเพลงเฝ้ารอทุกปี คงไม่มีเทศกาลไหนจะฮิตฮอตเท่ากับ “โคเชลลา” (Coachella) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงกลางเดือนเมษายน ที่เมืองอินดิโอ ในหุบเขาโคเชลลา ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ห่างจากแอลเอประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ปีก่อนแจ้งเกิดให้ “ข้าวเหนียวมะม่วง” จนกลายเป็นไวรัลไปทั่ว เมื่อแร็ปเปอร์สุดจี๊ดของไทย “มิลลิ” โชว์กินข้าวเหนียวมะม่วงบนเวทีสดๆ นับแต่นั้นมาคนไทยก็เกาะติดเทศกาลโคเชลลาแบบไม่ยอมปล่อย

...

สำหรับปีนี้จัดขึ้นต่อเนื่อง 2 วีกเอนด์คือ 12-14 เมษายน 2024 และ 19-21 เมษายน 2024 ไลน์อัปของศิลปินที่ระบุในโปสเตอร์จะเหมือนกันทั้ง 2 วีกเอนด์ แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโชว์บ้างเล็กๆน้อยๆ ดึงดูดแฟนเพลงหลายแสนชีวิตให้มารวมตัวกัน สร้างรายได้สะพัดหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯในแต่ละปี

ถามว่าทำไม “Coachella” ซึ่งมีชื่อเต็มๆว่า “The Coachella Valley Music and Arts Festival” จึงถือเป็นหมุดหมายสำคัญของศิลปินทั้งโลก รวมถึงเหล่าแฟนๆคนรักดนตรี ที่หวังจะไปเยือนเวทีนี้สักครั้งในชีวิต ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเทศกาล ถูกจัดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 ท่ามกลางทิวทัศน์ที่มีต้นปาล์มรายล้อม ท้องฟ้าสดใส และแสงแดดจ้า โดยเหตุเกิดจากวงร็อกแห่งยุค “Pearl Jam” ไปงัดข้อกับผู้จัดจำหน่ายตั๋วคอนเสิร์ตยักษ์ใหญ่ “Ticketmaster” เมื่อปี 1993 จึงปฏิเสธที่จะขึ้นแสดงคอนเสิร์ตที่ลอสแอนเจลิส และหันมาเปิดการแสดงที่ “Empire Polo Club” ในอินดิโอแทน ซึ่งก็คือสถานที่จัดเทศกาลโคเชลลามาจนถึงปัจจุบัน

...

งานนั้นมีผู้ชมมากกว่า 25,000 คน ภายหลัง “พอล โทลเลตต์” และ “ริก แวน แซนเทน” ได้ร่วมมือกันก่อตั้งเทศกาลดนตรีขึ้นใหม่ ภายใต้ชื่อ “โคเชลลา” ในปี 1999 กระนั้น ช่วงแรกๆยังไม่ติดลมบนเท่าที่ควร แม้จะจำหน่ายราคาบัตรเพียง 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมแจกน้ำดื่มฟรี อาจเป็นเพราะการบริหารจัดการและการตลาดยังไม่ลงตัว ต้องอาศัยเวลาเคี่ยวกรำพักใหญ่ กว่าจะขึ้นหิ้งกลายเป็นเทศกาลศิลปะและดนตรีแถวหน้าของโลก ที่ยากจะหาใครเทียบชั้นได้อย่างปัจจุบัน

...

จุดแข็งของ “โคเชลลา” คือการรวมเอาศิลปิน เบอร์เล็กๆ ที่ไม่มีอิทธิพลต่อชาร์ตอันดับเพลงฮิตบิลบอร์ด มารวมกับศิลปินเบอร์ใหญ่ๆ เพื่อให้งานดูคึกคักแน่นไปด้วยศิลปินครบทุกรส จนได้รับฉายาว่า “The anti-Woodstock” เพราะยุคก่อนคอนเสิร์ตใหญ่ที่ครองตลาดมีอยู่แค่ Woodstock และ Glastonbury ปีแรกๆที่จัดงานยังมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบวันจัดงานแทบทุกปี เป็นวันเดียวจบบ้าง หรือ 2-3 วันบ้าง เพิ่งมาลงตัวที่การจัดปีละ 2 วีกเอนด์ ก็ในปี 2012 ทำให้ไลน์อัปศิลปินแน่นสะใจ เล่นได้หลายวันหลายเวที กระจายกันสร้างความสุขและความฟินให้แฟนๆ โดยศิลปินที่มารวมตัวกันในเทศกาล “โคเชลลา” มีอยู่หลากหลายแนวมาก ชนะเลิศเรื่องความจุใจและคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

สำหรับเบอร์ใหญ่ระดับเฮดไลน์ที่มาสร้างบิ๊กอิมแพกต์ในปีนี้ นำทัพโดย Lana Del Rey, Peso Pluma, Blur, Tyler The Creator, Doja Cat, J Balvin, Ice Spice และ NO DOUBT ส่วนสีสันที่ขาดไม่ได้คือกลุ่มศิลปินมาแรงของฝั่งเค-ป๊อป อย่างเกิร์ลกรุ๊ปดาวรุ่ง LE SSERAFIM และวงป๊อปอินดี้เกาหลีดีกรีอินเตอร์ The Rose ก็รับไม้ต่อจากรุ่นพี่ BIBI, Blackpink และ Jackson Wang มาเฉิดฉายให้ทั่วโลกได้เห็นความปัง

นอกจากจะเป็นชุมชนคนรักดนตรี ที่เปิดการแสดงทีเดียวถึง 5 เวทีใหญ่คือ Coachella Stage, Outdoor Theatre, Mojave, Gobi และ Sahara รวมไปถึงเวทีพิเศษที่จะเพิ่มขึ้นมาเซอร์ไพรส์ในแต่ละปี แฟชั่นโคเชลลาแบบจัดเต็มชนิดไม่มีใครยอมใครของดาราเซเลบและแฟนเพลง ก็เป็นแม่เหล็กชั้นดีสร้างสีสันให้โคเชลลาเป็นที่ลือลั่นทุกปี ถือเป็นพื้นที่หลอมรวมวัฒนธรรมทรงอิทธิพลที่สุดแห่งยุค มีครบทั้งศิลปะ, แฟชั่น, อาหาร และผู้คนที่ล้วนแต่มีหัวใจอิสระพร้อมปลดปล่อยตัวเองอย่างไร้ขีดจำกัด.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่