หากเปิดทำเนียบรัฐบุรุษและนายกรัฐมนตรีชั้นแนวหน้าที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่ภาคภูมิใจของประเทศไทย จะต้องมีชื่อ “อานันท์ ปันยารชุน” รวมอยู่ด้วยแน่ๆ นอกจากจะโดดเด่นในฐานะนักการทูตที่ได้รับความไว้วางใจให้ปฏิบัติภารกิจพิเศษนอกกรอบ ก่อนเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของประเทศในยามที่เมืองไทยต้องประสบวิกฤตการณ์หนักหน่วงที่สุดครั้งหนึ่ง “ปราชญ์ผู้รู้แห่งแผ่นดิน” ยังเป็นนักสู้ที่กล้าคิด...กล้าทำ...กล้าเสี่ยง ซึ่งหลายคนไม่เคยรู้ว่าเป็นคุณสมบัติที่ซ่อนอยู่ภายใต้ภาพลักษณ์ของผู้ดีกรุงรัตนโกสินทร์เรื่องราวชีวิตและการทำงานตลอด 9 ทศวรรษของ “นักการทูตผู้ยิ่งใหญ่” ได้ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นหนังสือ “นักสู้ อานันท์” กล้าคิด กล้าทำ กล้าเสี่ยง ผ่านปลายปากกาของ “วิทยา เวชชาชีวะ” อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ โลกได้เห็นถึงความเป็นนักสู้เต็มขั้น ตามแบบฉบับของ “อานันท์ ปันยารชุน” ผู้สร้างผลงานไว้มากมายในทุกช่วงจังหวะชีวิต จากนักการทูต ก้าวสู่ผู้บริหารองค์กรธุรกิจ และนายกรัฐมนตรีสองสมัย การอ่านเรื่องราวชีวประวัติบุคคลทำให้ได้เห็นได้รู้เรื่องราวของโลกที่กว้างขึ้นในมุมมองที่หลากหลาย ทั้งวัฒนธรรม, การใช้ชีวิต, เศรษฐกิจ, การเมือง และผู้คน...“ท่านเป็นคนเก่า ที่ไม่เคยเก่า สามารถปฏิสัมพันธ์กับใหม่ได้อย่างแนบเนียน และเป็นนักสู้ด้วยหัวจิตหัวใจ สู้ทั้งในเวทีโลกและเวทีท้องถิ่น สู้เพื่อหลักการ เพื่อความถูกต้อง และเพื่อส่วนรวม”...นี่คือภาพสะท้อนตัวตนของ “นักสู้ อานันท์” ผ่านมุมมองอันลึกซึ้งของผู้เขียนมือรางวัลที่มาของฉายา “ผู้ดีรัตนโกสินทร์” มาจากไหนคะผมไม่รู้ที่มาที่ไป อาจมาจากหนังสือพิมพ์เขียนถึง และจากครอบครัว ส่วนใหญ่ที่ได้ยินจะเรียกผมว่า “ยาบ้าน” มากกว่า ความเป็นนักสู้ของ “คุณอานันท์” เป็นที่ร่ำลือขนาดไหนผมเป็นนักสู้ด้วยหัวจิตหัวใจ เรียกว่า “กล้าคิด...กล้าทำ...กล้าเสี่ยง” แม้จะเป็นคำสั้นกระชับ แต่มีความหมายทั้งจากคำพูดและการกระทำ สไตล์ของผมคือ “กล้าคิด” และ “กล้าทำ” ในทางที่ถูกทางที่เหมาะสม เมื่อคิดแล้วเป็นสิ่งที่น่าจะทำก็ต้องทำ บางครั้งอาจไม่ประสบความสำเร็จ 100% แต่ความไม่สำเร็จนั้นนับเป็นครูที่ดี และนำไปสู่การปรับปรุงในทางที่ดีขึ้น กล้าเสี่ยงยังไงให้ชนะและบรรลุเป้าหมายคำว่า “กล้าเสี่ยง” หากสิ่งที่เริ่มต้นมาจากความคิดที่ดี มีหลักการ และเหตุผล สามารถทำให้ความเสี่ยงเกิดขึ้นน้อยลงไปด้วย ส่วนจะสำเร็จก็ดี ไม่สำเร็จก็ดี สิ่งนั้นจะเป็นครู อย่าไปกลัวความไม่สำเร็จ ให้ใช้ความไม่สำเร็จนั้นสร้างโอกาสที่จะเรียนรู้และเปลี่ยนแปลง ซึ่งการต่อสู้นั้นต้องทำขึ้นเพื่อความถูกต้อง สู้เพื่อความจริง และสู้เพื่อให้เกิดความทัดเทียม เวลาทำภารกิจนอกกรอบ ใช้กลยุทธ์ใดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์โดยไม่ปะทะชน“กล้าคิด...กล้าทำ...กล้าเสี่ยง” จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาดซึ่ง 3 องค์ประกอบ ได้แก่ สิ่งที่คิดและทำนั้นต้องทำให้คนอื่นเข้าใจด้วย รวมทั้งต้องมีโอกาส และจังหวะเวลาที่เหมาะสมด้วย ผมเป็นคนคิดนอกกรอบ แต่ รับฟังคน และสู้กับความคิดของคน แม้ว่าคนที่สนทนาด้วยจะมีมุมมองและความคิดที่แตกต่างกัน อาจมีการถกเถียง แต่ที่สุดแล้วหัวใจหลักอยู่ที่การแลกเปลี่ยนความคิดกัน “คุณอานันท์” มักพูดเสมอว่าอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง?สิ่งสำคัญที่สุดในทุกยุคคือ อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องคิดว่าจะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างไร ในด้านการบริหารองค์กรธุรกิจ ก็ให้รู้จักบริหารจัดการให้เป็น และทุกๆการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องมีเป้าหมาย ส่วนในระดับประเทศ การสู้กับคนและสู้กับอุดมการณ์ ต้องเข้าใจว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นมีหลายองค์ประกอบ 1.ประชาชนมีส่วนร่วม 2.การถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ (Majority rule) อาจไม่พอ ต้องมีการเคารพในเสียงข้างมาก (Respect Majority rule) 3.การมีฝ่ายตุลาการที่ยุติธรรม ไม่อคติ 4.อิสระในการแสดงความคิดเห็น และ 5.ความโปร่งใส ถือเป็นหนังสือขึ้นหิ้งแห่งยุค สำหรับ “นักสู้ อานันท์” กล้าคิด กล้าทำ กล้าเสี่ยง ซึ่งไม่เพียงจะบอกเล่าถึงความเป็นนักสู้เต็มขั้นที่ยืนหยัดต่อสู้กับความไม่ถูกต้องมาหลายต่อหลายทศวรรษ แต่ยังสะท้อนความเป็นสะพานเชื่อมความเข้าใจ และสัญลักษณ์แห่งประชาธิปไตยล้ำยุคล้ำสมัย. ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ