เข้ามารับช่วงต่อจากบุพาการีในการบริหารธุรกิจของครอบครัว ชัญชกร เหลืองตระกูล ผู้บริหารรุ่นที่ 2 ของแอล.เค.เอส.ฟู้ด เมคเกอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มอินสแตนท์ ได้เดินหน้าลุยงานสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ ด้วยการสร้างทีมทำงานพร้อมเปิดใจรับฟังความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา

ชัญชกร เหลืองตระกูล หรือ คุณใจ๋ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.เค.เอส.ฟู้ด เมคเกอร์ จำกัด ผู้ผลิตเครื่องดื่มพร้อมชง ภายใต้แบรนด์ อินน่า, เจ ซูเปอร์ เจ, อาริก้า และละวิตา เล่าถึงชีวิตการทำงานว่า ตนเข้ามารับตำแหน่งนี้เมื่อปี 2554 หลังจากที่คุณพ่อเสียชีวิต ก่อนหน้านั้นทำงานที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากคุณพ่อต้องการให้ตนไปเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานองค์กรภายนอก เมื่อต้องเข้ามาดูแลกิจการก็ได้เรียนรู้ ปรับตัวไปเรื่อยๆ พร้อมกันนี้ได้คิดที่จะรีแบรนด์ภาพลักษณ์ใหม่ให้กับแบรนด์ในเครือสู่ภาพลักษณ์ใหม่ในสไตล์โมเดิร์น พร้อมกับการปรับแพ็กเกจจิ้งให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากแบรนด์ละวิตา (LAVITA) ซึ่งเป็นสินค้ากาแฟคั่วสด มาทำเป็นร้านกาแฟละวิตา ( LAVITA) ที่มีคอนเซปต์ให้ความรู้สึกอบอุ่น และสบายเหมือนนั่งอยู่ในบ้าน พร้อมกันนี้เรายังใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมโดยใช้วัสดุ เช่น แก้วหรือถุงพลาสติกย่อยสลายได้ภายใน 180 วัน

...

“ตอนสมัยคุณพ่อ ท่านเคยทำในลักษณะคีออสซุ้มกาแฟอยู่ด้านล่างของบริษัท แต่ผมเห็นว่าเรามีวัตถุดิบ เรามีทุกอย่างส่งให้ลูกค้า เราน่าลองทำร้านกาแฟเองดูในแบรนด์ละวิตา ซึ่งทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น และรู้ว่าเราเป็นร้านกาแฟไทย 100% ซึ่งถ้าคุณดื่มละวิตา คุณก็จะได้รสชาติกาแฟไทยๆ ที่สไตล์อาจจะไม่ใช่ไทย แต่คุณได้ช่วยเกษตรกรไทย 100% โดยตอนนี้เรามีทั้งหมด 4 สาขา กรุงเทพฯ 3 สาขา นครสวรรค์ 1 สาขา และภายในปีนี้กำลังจะเปิดอีกแห่งที่ถนนสี่พระยา พร้อมทั้งสื่อออนไลน์ ผ่านทาง www.lavitacoffee1997.com เฟซบุ๊ก : Lavita และไอจี : lavita coffee ครับ นอกจากการสร้างความเข้มแข็งให้แบรนด์แล้ว ต่อไปก็จะก้าวไปสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งในประเทศเราต้องแข็งแรงมากขึ้นก่อน ค่อยเดินไปก้าวอย่างมั่นคงครับ”

เมื่อต้องลุยงานท่ามกลางปัจจัยนอกที่มีทั้งการแข่งขัน และโรคระบาด ผู้บริหารหน้าหยกคนนี้บอกว่า ทำธุรกิจยุคนี้ยากคู่แข่งเยอะ เพราะใครคิดอะไรไม่ออก ออกจากงานมาเปิดร้านกาแฟดีกว่า สำหรับคนที่ไม่เสียค่าเช่า มีพื้นที่ของตัวเองคงไปได้ แต่ถ้าต้องไปเช่าเพื่อเปิดร้านอาจจะเหนื่อยหน่อย ในการทำงานก็สนุก มีความท้าทายและให้ต้องคิดว่าต้องแก้ปัญหาอย่างไร นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องคน ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนให้ความสำคัญ พร้อมเปิดกว้างเปิดใจที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกคน ขอให้เดินเข้ามา

“ผมเคยผ่านการเป็นลูกจ้างมาก่อนผมจึงเข้าใจ และพร้อมที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นของทุกคน เพราะผมถือว่าผมไม่ได้อยู่หน้างานเท่ากับพวกเขา การที่เปิดให้ทุกคนเข้ามาพูดคุย ผมจะรับทราบ ปัญหาจากประสบการณ์โดยตรง นอกจากนี้ เรามีฝ่ายสวัสดิการที่จะให้พนักงานเปิดใจคุยกัน จะทำให้การทำงานทุกอย่างง่ายขึ้น เพราะในการทำงานผมมองทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงาน มีอะไรมาคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ถ้าดีผมยอมทำให้คุณ แต่ถ้ามันไม่ดีมันไม่ได้เพราะอะไร ผมก็จะบอก ทำให้ทุกคนรู้สึกว่า เราไม่ห่างกัน เราคุยกันได้ครับ”

...สไตล์การทำงานของผู้บริหารรุ่นใหม่คนนี้...