หลายครั้งที่การปรับปรุงหรือขุดพื้นที่เพื่อพัฒนาโครงการใดๆ อย่างสร้างเส้นทางคมนาคม สร้างอาคารบ้านเรือน มักจะมีการค้นพบหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีค่าและเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยศึกษาในหลายสาขาวิชา เช่น ประวัติศาสตร์ โบราณ คดี หรือบรรพชีวินวิทยา เป็นต้นล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรอยัล ฮาโลเวย์ ลอนดอน และนักโบราณคดีในโครงการ Sherford Consor tium รายงานการค้นพบซากกระดูกมากกว่า 200 ชิ้นของสิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดินซึ่งอยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนาบ้าน 5,500 หลังในเขตชานเมืองพลีมัธของมณฑลเดวอน แห่งอังกฤษ ซึ่งระบุว่าซากต่างๆเหล่านั้นมีตั้งแต่ชิ้นส่วนของแมมมอธขนยาว เช่น งา ฟันกราม และกระดูกอื่นๆ, ซากกะโหลกศีรษะและขากรรไกรล่างที่ไม่สมบูรณ์ของแรดมีขน, โครงกระดูกหมาป่าที่เกือบสมบูรณ์, ซากของไฮยีน่า ม้า กวางเรนเดียร์ กระต่ายภูเขา และจิ้งจอกแดง นอกจากนี้ยังมีกระดูกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กต่างๆ เช่น ค้างคาว และหนูผีทีมผู้เชี่ยวชาญเผยว่า การค้นพบที่ยอดเยี่ยมครั้งนี้ชี้ให้เห็นถึงความน่าอัศจรรย์ของสัตว์ขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่รอบๆพื้นที่ที่ปัจจุบันคือมณฑลเดวอนเมื่อ 30,000-60,000 ปีก่อน พร้อมตั้งทฤษฎีว่าสิ่งมีชีวิตบางตัวตกลงไปในหลุมและหนีขึ้นมาไม่ได้ หรือสัตว์เหล่านั้นตายจากที่อื่นและกระดูกถูกกวาดเข้าไปในพื้นที่นั้นๆในช่วงเวลาหนึ่ง อีกทั้งจะช่วยให้เข้าใจช่วงเวลาของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกกินพืช ก็จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพืชที่อาจมีอยู่ในช่วงเวลานั้นในอดีตได้.