ความต้องการตัวอย่างของสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ (DNA) จากซากศพมนุษย์โบราณเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากนักวิจัยต้องการเข้าใจถึงการอพยพและความหลากหลายในประชากรมนุษย์โบราณ ล่าสุดทีมวิจัยนำโดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเรดดิง พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ในอังกฤษ มหาวิทยาลัยบังกอร์ในเวลส์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติซานฮวนในอาร์เจนตินา และมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ในเดนมาร์ก เผยพบเบาะแสสำคัญเกี่ยวกับผู้คนในอเมริกาใต้เมื่อหลายพันปีก่อน ทีมวิจัยค้นพบว่าดีเอ็นเอของมนุษย์สามารถสกัดได้จากซากสารเหนียวที่ช่วยให้ไข่เหายึดติดกับเส้นผมมนุษย์ที่ได้จากมัมมี่อายุ 1,500-2,000 ปีเป็นครั้งแรก นักวิจัยอธิบายว่าข้อมูลทางพันธุกรรมของมนุษย์ถูกเก็บรักษาได้โดยสารเหนียวที่ผลิตโดยเหาซึ่งช่วยให้มันวางไข่ติดบนเส้นผมมนุษย์ นอกจากพันธุกรรมแล้ว ชีววิทยาของเหายังให้ข้อมูลถึงการใช้ชีวิตของคนโบราณในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งปริมาณดีเอ็นเอมนุษย์ที่สกัดได้จากสารเหนียวยึดไข่เหากับเส้นผมนั้นพบว่ามีปริมาณสูงอย่างน่าทึ่ง ไขความกระจ่างว่าผู้คนเหล่านี้เป็นใคร อีกทั้งเหาตัวนี้จะเกี่ยวข้องกับเหาชนิดอื่นๆ อย่างไร และยังบอกใบ้ถึงโรคที่เกิดจากไวรัสอีกด้วยจากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอที่กู้คืนจากสารเหนียวยึดติดกับไข่เหา พบว่ามีความเชื่อมโยงทางพันธุกรรมระหว่างมัมมี่ 3 ตนกับมนุษย์ในอเมซอนเมื่อ 2,000 ปีก่อน ชี้ว่าประชากรดั้งเดิมของรัฐซานฮวนนั้นอพยพมาจากอเมซอนฝั่งตอนเหนือของทวีป ซึ่งปัจจุบันคือตอนใต้ของเวเนซุเอลาและโคลอมเบียนั่นเอง.(ภาพประกอบ Credit : Universidad Nacional de San Juan)