วันเสาร์สุดท้ายปีหมูวันนี้ ผมชวนท่านผู้อ่านไปคุยเรื่อง เทคโนโลยีปีหน้า 2563 กันนะครับ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 คุณฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. เปิดเผยว่า จะมีการประมูลคลื่นความถี่ 5 G รวดเดียว 4 คลื่น 700, 1800, 2600, 26 MHz คาดว่าจะเริ่มติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายในเดือนมีนาคมและเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในเดือนเมษายนบางพื้นที่ ถือเป็นครั้งแรกที่ไทยจะเปิดให้บริการเทคโนโลยีใหม่ก่อนญี่ปุ่น ซึ่งประกาศจะเปิดให้บริการ 5 G ในเดือนกรกฎาคม ช่วงเป็นเจ้าภาพแข่งกีฬาโอลิมปิกพื้นที่แรกที่จะใช้เครือข่าย 5G หนีไม่พ้น เขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก EEC เพราะมีเงื่อนไขให้ผู้ชนะการประมูลต้องขยายโครงข่าย 5 G ให้ครอบคลุมพื้นที่อีอีซีให้ได้ 50% ใน 1 ปีระบบ 5 G จะมีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงกว่า 4 G ประมาณ 15 เท่า และมีแนวโน้มว่าในอนาคตจะเพิ่มขึ้นเป็น 100 เท่า การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ในพื้นที่เดียวกันของระบบ 5 G สามารถรองรับการเชื่อมต่อได้มากถึง 1 ล้านชิ้นต่อ 1 ตาราง กม. ที่สำคัญก็คือ การส่งข้อมูลจะมีความเสถียรต่อเนื่องไม่สะดุด นิ่งจนสามารถช่วยให้แพทย์ทำการผ่าตัดทางไกลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้วันก่อน อีริคสัน ผู้ผลิตระบบ 5 G สัญชาติสวีเดน ร่วมกับ ทรู คอร์ปอเรชั่น จัดงาน True 5G World เพื่อแสดงโชว์เคส Connected Music การเชื่อมต่อการแสดงโชว์สดของดนตรีสองรายการเข้าเป็นหนึ่งเดียวที่สยามสแควร์ ให้ผู้ชมได้ชมแบบเรียลไทม์ในสองสถานที่จัดงานมีรายงานข่าวจาก Consumer Lab อิริคสัน ระบุว่า ผู้บริโภคชาวไทยกำลังรอใช้งานเครือข่าย 5 G อยู่ โดยมีข้อมูลเจาะลึกเฉพาะประเทศไทยระบุว่า ผู้บริโภคชาวไทย 1 ใน 2 คน จะเปลี่ยนเครือข่ายสัญญาณมือถือไปใช้ของผู้ให้บริการใหม่ที่มีระบบ 5 G ภายใน 6 เดือน หากผู้ให้บริการรายนั้นไม่มีระบบ 5 G ให้บริการ และคาดว่า ผู้บริโภคในไทยจะใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 3 ชั่วโมงในการชมวิดีโอบนอุปกรณ์มือถือต่างๆ ช่วงเวลาที่เพิ่มขึ้นนี้จะเป็นการใช้แว่นตา AR/VR ถึงหนึ่งชั่วโมงถือเป็นข้อมูลที่น่าตกใจ เมื่อบริษัทต่างชาติเจาะลึกลงไปถึงก้นบึ้งของจิตใจคนไทย จนถึง “การตัดสินใจระดับบุคคล” ว่า จะเปลี่ยนเครือข่ายภายใน 6 เดือน ถ้าเครือข่ายเดิมไม่มีบริการ 5 G เหมือนต้องการที่จะ ใช้ข้อมูลบีบบังคับทางอ้อมให้เครือข่ายมือถือทุกค่ายต้องมีระบบ 5 G ไม่งั้นลูกค้าย้ายค่ายภายใน 6 เดือน ยิ่งน่ากลัวเมื่อ อิริคสัน ระบุข้อมูลที่เจาะลึกเพิ่มเติมว่า เมื่อมีระบบ 5G แล้ว คนไทยจะใช้เวลาบนอุปกรณ์มือถือเพิ่มขึ้นอีก 3 ชั่วโมงต่อวัน คงนั่งดูแต่มือถือไม่ต้องทำมาหากินกันเลย น่าเป็นห่วงจริงๆเมื่อวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ไชน่า เทเลคอม ไชน่า ยูนิคอม ไชน่า โมบายล์ สามค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ของจีน ได้เปิดให้บริการโทรศัพท์ 5G พร้อมกันทั่วประเทศจีน จากเดิมที่กำหนดจะเปิดให้บริการในปีหน้า 2563 โดยเลื่อนเร็วขึ้นมาหลายเดือนเพื่อชิงตัดหน้าสหรัฐฯ หลังจากที่ สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ได้ขยายวงเป็น สงครามแย่งชิงความเป็นเจ้าทางเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ขึ้นมาอีกหนึ่งสงครามบริการ 5 G ของสามค่ายมือถือจีน คิดค่าบริการ 128 หยวนต่อเดือน ประมาณ 640 บาท ถูกกว่าค่าบริการ 4 G เมื่อเทียบกันต่อกิกะไบต์ มีผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ราคานี้อาจสูงเกินไปไม่จูงใจผู้ใช้บริการ มีการประเมินว่าปี 2563 ชาวจีนจะแห่ใช้บริการโทรศัพท์ 5 G มากถึง 110 ล้านคน ประมาณ 7% ของประชากร ขณะที่ 5 G เกาหลีใต้มีผู้บริโภคใช้เพียง 3% เท่านั้นแต่ ระบบ 5 G ของจีนยังมีปัญหาความเสถียรของคลื่น เพราะ เครือข่ายไม่ถี่พอ เช่นเดียวกับ 5 G ของโวดาโฟนในกรุงลอนดอน คือ มีจุดบอดของคลื่น เพราะ เครือข่ายไม่ถี่พอ ความเร็วของโทรศัพท์ 5G ที่ระบุไว้คือ 500 Mbps ถ้าอยู่ใกล้จุดเสาสัญญาณก็สามารถดาวน์โหลดได้เร็วกว่า 4 G ถึง 20 เท่า แต่ถ้าไปอยู่ในมุมอับ ความเร็วก็จะลดลง เหมือน 4 G ที่เป็นอยู่ในเมืองไทยปัจจุบันนี่คือ จุดอ่อนของระบบ 5 G ที่เกิดขึ้นแล้ว ผมขอฝาก กสทช. ให้บรรจุไว้ในเงื่อนไขสัญญา ผู้ให้บริการ 5 G ต้องติดตั้งเครือข่ายสัญญาณให้เพียงพอที่จะทำให้คลื่นมีความเสถียรจริง มิฉะนั้นก็ถือว่าเอาเปรียบประชาชน.“ลม เปลี่ยนทิศ”