“ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก...”ข้อความนี้เป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงแปลมาจากกวีนิพนธ์ของวิลเลียม เชคสเปียร์ กวีเอกของอังกฤษความชอบเสียงเพลงนั้นมีอยู่ในจิตใจของมนุษย์มาแต่ดึกดำบรรพ์ แรกๆครั้งยังไม่มีปัญญาพอที่จะประดิษฐ์คิดทำอุปกรณ์สร้างเสียงเพลง มนุษย์ก็อาศัยสองมือนี่แหละตบให้เป็นจังหวะจะโคน ใช้ริมฝีปากผิวให้มีลมเป็นเสียงสูงๆต่ำๆ ครั้นต่อมาก็เริ่มรู้จักที่จะนำเอาสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น หลอดต้นอ้อต้นกกมาเป่าเป็นทำนอง เอาเขาสัตว์มาเป่าแบบแตร และแล้วก็เริ่มคิดประดิษฐ์เครื่องดนตรีให้มีระดับเสียงหลายหลากขึ้นหลักฐานเครื่องดนตรีเก่าแก่ที่สุดของโลกนั้นได้แก่ “ขลุ่ย” ทำจากกระดูกสัตว์ คาดกันว่ามีอายุราว 50,000 ปี ในสมัยมนุษย์โบราณนีนเดอร์ธาล (Neanderthal) ค้นพบได้จากทางตะวันตกเฉียงเหนือของสโลวีเนียและ ได้รับการขนานนามว่า “Divje Babe Flute” มีรูเจาะ 4 รู ซึ่งน่าจะเป็นเสียงโน้ต 4 ตัวที่เก่าแก่ถัดมาได้แก่ขลุ่ยทำจากกระดูกช้างแมมมอธกับกระดูกหงส์ ซึ่งมีอายุในช่วง 30,000 กว่าปีในยุคพาลิโอลิธิก พบอยู่บนยอดเขาแอลป์อันหนาวเหน็บ ขลุ่ยจากกระดูกสัตว์ อายุราว 50,000 ปี.แต่ที่จัดว่าเป็นชุดเครื่องดนตรีที่พัฒนาขึ้นในยุคมนุษย์มีอารยธรรมก็ได้แก่ เครื่องดนตรีหลากหลายชิ้นซึ่งพบอยู่ในสุสานหลวงของนครเออร์ (Ur) แห่งอาณาจักรสุเมเรีย ซึ่งประกอบด้วยพิณ (lyre) 9 คัน พิณ (harp) 2 คัน ขลุ่ยคู่ทำด้วยเงิน 1 เลา เครื่องประเภทตีที่เรียกว่าซิสตรา (sistra) กับซิมบัล (Cymbal) เป็นเครื่องดนตรีที่อยู่ในสภาพบางส่วนยังสมบูรณ์ บางส่วนแตกย่อย แต่ก็เอามารวมประกอบกันขึ้นใหม่ได้ สิ่งของในสุสานโบราณนี้วัดอายุด้วยระบบคาร์บอนได้ว่า อยู่ในช่วง 2,600-2,500 ปีก่อนคริสตกาลส่วนในเอเชียก็มีการพบขลุ่ยที่มณฑลเหอนาน คาดว่ามีอายุราว 8,000 ปี ทำจากกระดูก จัดเป็นเครื่องดนตรีเก่าแก่ที่สุดที่สมบูรณ์ยังใช้เล่นได้หลายตัวโน้ตมนุษย์เราพัฒนาเครื่องดนตรีขึ้นเรื่อยๆ มีการใช้อุปกรณ์ดนตรีในการพิธีศาสนา เช่น กลอง ฆ้อง ระฆัง ภายในวังราชสำนักต่างๆก็นิยมบรรเลงดนตรีเพื่อความรื่นรมย์ โดยเฉพาะในยุโรป ช่วง ค.ศ.800 ถึง 1100 จัดว่ามีการสร้างเครื่องดนตรีที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น เช่น ไวโอลินก็ถือกำเนิดขึ้นในยุคนี้ มีการประดิษฐ์ถุงลมเพื่อใช้อัดให้มีเสียงดังยิ่งขึ้น เช่น เครื่องออร์แกน ส่วนเครื่องเป่าจากต้นกกต้นอ้อ ก็เป็นต้นแบบของขลุ่ยและแตร เช่น โอโบ (oboe) หรือคลาริเนต (clarinet) ทรัมเป็ต (trumpet)และแล้วในศตวรรษที่ 20 ก็มีการสร้างเครื่องดนตรีที่ใช้ไฟฟ้าขึ้น เรียกว่า อิเล็กโทรโฟน (electrophones) เช่น แฮมมอนด์ออร์แกน (Hammond organ) กีตาร์ไฟฟ้า เธอเรมิน (theremin) ซึ่งจะเกิดเสียงขึ้นเมื่อผู้บรรเลงใช้มือสัมผัสกับเสาอากาศ (antenna) ของเครื่อง กระทั่งเครื่องซินธีไซส์ (synthesizer) ที่ควบคุมด้วยอุปกรณ์ดิจิทัลและไมโครชิปส์บรรดาเครื่องดนตรีที่เอ่ยมานั้น เราคงเคยได้เห็นและได้ฟังเสียงกันมาแล้ว แต่คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลโดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนในหนนี้จะนำเอาเครื่องดนตรีที่ไม่ธรรมดา คือประดิษฐ์ขึ้นมาและบรรเลงแบบแหวกแนว บางชิ้นก็เกือบหลุดโลกไปเลย ขอนำมาให้ทัศนากันต่อไปนี้ครับ1.เธอเรมิน (Theremin) สร้างขึ้นในปี 1920 โดยเจฟ เทอร์แมน ชาวรัสเซีย เพื่อสำหรับบรรเลงเพลงคลาสสิก เป็นที่ฮือฮามากในปี 1994 เพราะมีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง “Theremin : An Electronic Odyssey” อย่างไรก็ตาม เครื่องดนตรีนี้ไม่เคยร่วมบรรเลงกับวงออเคสตรา ในภาพจะเห็นผู้บรรเลงใช้มือสัมผัสกับเสาอากาศซึ่งมี 2 ตัว เธอเรมิน.2.เครื่องวารี (Hydraulophone) บรรเลงโดยการควบคุมน้ำที่ฉีดพ่นขึ้นมาและบังเกิดเป็นเสียงตามตัวโน้ตต่างๆ เช่น ถ้าใช้ขลุ่ยที่จมอยู่ใต้น้ำก็จะออกเสียงออกมาแบบท่อลมออร์แกน บางเครื่องใช้หลอดพ่นน้ำเป็นเสียงปี่หรือแตร เครื่องที่โด่งดังมากมีชื่อว่า “เอชทูโอโบ” (H2O boe จะเห็นว่า H2O คือสัญลักษณ์ทางเคมีของน้ำนั่นเอง) เครื่องวารี.3.เครื่องผัก (Vegetable Orchestra) แม้จะฟังแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะใช้บรรเลงได้ แต่กลุ่มนักดนตรีวงนี้ซึ่งตั้งขึ้นมาในปี 1998 ที่กรุงเวียนนา ออสเตรีย ก็สามารถ นำเอาพืชผักนานาชนิดมาทำให้เกิดเสียงดนตรีอันไพเราะได้ เช่น เอาฟักทองมาเป็นกลอง เอาหัวแครอทมาเป็นขลุ่ย บางชิ้นใช้สดๆ บางชิ้นก็เอามาสลักก่อน ที่สำคัญคือ หลังบรรเลงเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาก็เอาอุปกรณ์ดนตรีเหล่านี้มาต้มเป็นซุปเลี้ยงบรรดาทั่นผู้ชม วงดนตรีบรรเลงเครื่องผัก.4.คีตพฤกษ์ (Singing Ringing Tree) เป็นการเอาท่อขนาดความยาวต่างๆกันมาผสมผสานจนบังเกิดเป็นต้นไม้ใหญ่สูงราว 3 เมตร เมื่อกระแสลมพัดผ่านก็จะมีเสียงหวีดหวิวฟังแล้วเพลิดเพลิน สร้างไว้ที่ท้องทุ่งแลงคาสเชอร์ อังกฤษ ต่อมามีอีกต้นหนึ่งที่ออสติน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา คีตพฤกษ์.5.ปิกัสโซกีตาร์ (Picasso Guitar) ใช้ชื่อกีตาร์เลียนแบบจอมอาร์ติสต์ พาโบล ปิกัสโซ (Pablo Picasso) เป็นกีตาร์ 4 คอ 2 ช่องเสียง และสายกีตาร์ 42 เส้น ปิกัสโซกีตาร์.6.กีตาร์ 12 คอ (12 Neck Guitar) เป็นกีตาร์ที่เว่อร์กว่าปิกัสโซเพราะมีคอยั้วเยี้ยยังกะเมดูซา สร้างสรรค์ขึ้นโดยศิลปินญี่ปุ่นนามว่า โยชิฮิโกะ ซาโตะ กีตาร์ 12 คอ.7.ซีอุสาโฟน (Zeusaphone) มีอีกชื่อหนึ่งว่า ธอรามิน (Thoramin) เป็นลำโพงแบบพลาสมา (Plasma speaker) เป็นการนำเอาขดลวดเทสลา (Tesla coil) มาสร้างให้เกิดเสียงจากประจุไฟฟ้า ดูแล้วก็น่าพรั่นพรึงราวกับสายฟ้าของจอมเทพซุส ซีอุสาโฟน.8.ลูโฟเนียม (Loophonium) เป็นการผสมผสานระหว่างแตรยูโฟเนียม (euphonium) กับส้วม (lavatory) ทำขึ้นเพื่อใช้บรรเลงในคอนเสิร์ตวันเอพริล ฟูล (April Fool) ปี 1960 ร่วมกับวง Royal Liverpool Philhamonic Orchestra ผู้ประดิษฐ์คือนายฟริตซ์ ชปีเกิล ลูโฟเนียม.9.วิฬาร์เปียโน (The Cat Piano) ชิ้นสุดท้ายนี้พิลึกพิลั่นที่สุดแถมยังเข้าข่ายทรมานสัตว์ สร้างโดยศิลปินเยอรมันสมัยศตวรรษที่ 17 ชื่ออาธานาซิอุส เคอร์เชอร์ จับเอาแมว 7 ตัวมาเรียงรายไว้ในคอกโดยยื่นหางออกมาที่คีย์บอร์ดที่ตรึงไว้ด้วยตะปู เมื่อกดคีย์บอร์ดตีหางแมวตัวใดมันก็จะร้องออกมาเป็นเสียงสูงต่ำตามที่มันถูกจัดไว้ เรื่องนี้ปรากฏอยู่ในบันทึกโบราณในชื่อ “Katzenklavier (Cat Piano)” เท็จจริงอย่างไรไม่ประจักษ์โอกาสหน้าทีมงานต่วย’ตูน จะนำเรื่องแปลกพิสดารจนไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์เราจะไอเดียบรรเจิดได้ถึงขนาดนี้มานำเสนอกันอีกครับ.โดย :อุดร จารุรัตน์ทีมงาน นิตยสาร ต่วย'ตูน