ธุรกิจร้านอาหารกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังปลดล็อกระยะสอง หลายครอบครัวออกไปทานอาหารนอกบ้านกันมากขึ้น ปรับรูปแบบการดำเนินชีวิตไปตามยุคสมัย “คุณชายแป๊ะ” ตระเวนสำรวจสภาพเศรษฐกิจย่านบางขุนเทียนชายทะเล ซึ่งเรียงรายไปด้วยร้านอาหารซีฟู้ดดังๆหลายเจ้า ไปสะดุดตาเข้าอย่างจังกับร้าน “ครัวท่าเรือ เจ๊จุ๋ม ซีฟู้ด” อยู่ตรงข้ามวัดธรรมคุณาราม

บรรยากาศร้านสุดชิลตั้งอยู่ริมคลอง เป็นคลองน้ำเค็มใกล้ชิดทะเลอ่าวไทย มองเห็น ต้นโกงกางสบายตา สร้างระบบนิเวศให้สัตว์น้อยใหญ่ ปูปลาหอย และนกน้อยได้เกื้อกูลกัน เสียงเรือหางยาวของชาวบ้านสัญจรไปมา บ้างนำคนมาส่งที่ท่า บ้างขนหอยขนปูมาเทียบท่าลำเลียงขึ้นรถกระบะนำไปจำหน่าย มองเห็นนักผจญภัยพายเรือคยัคปักเบ็ดเตรียมออกไปตกปลา อีกฟากฝั่ง มีคนวางอวนดักปลาในลำน้ำ นี่คือวิถีชาวบ้านที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงใหล

“บรรยากาศดีมากเลยครับ” ผมทักทาย “เจ๊จุ๋ม-รัศมี จันทร์ทอง” เจ้าของร้านวัย 55 ปี ที่ออกมาต้อนรับ

...

“ถือว่าโชคดีที่เจ๊มีที่ดินริมคลองแบบนี้ ร้านเจ๊บริการแบบบ้านๆ ทำกันเองในครอบครัว อาหารก็รสชาติเดียวกันกับที่บ้านเจ๊กิน” เจ๊จุ๋มตอบรับด้วยรอยยิ้ม

ระหว่างกำลังทักทายกัน มีชาวประมงเรือหางยาวนำปลากะพงที่เพิ่งจับได้มาตะโกนเรียก “เจ๊จุ๋ม” อยู่ริมตลิ่งข้างร้าน “เอาปลาไหมเจ๊ วันนี้ได้ตัวใหญ่เชียว”

“ยกมาชั่งเลย” เจ๊จุ๋ม ปลีกตัวไปดูปลากะพง น้ำหนัก 1.2 กิโลกรัม พร้อมหันมาบอกผมที่กำลังมองดูการซื้อขายปลาสดๆด้วยความสนใจ “เดี๋ยววันนี้เจ๊จะทำปลากะพงเกยตื้นให้ชิม”

ผมเดินตามหลังเจ๊จุ๋มเข้าไปในครัว เนื้อปลาถูกแล่ออกทั้งสองด้าน แล้วนำมาหั่นเป็นท่อนพอดีคำ ส่วนตัวก้างปลานำไปทอดในกระทะน้ำมันท่วมให้กรอบเคี้ยวได้ทั้งก้าง ก่อนนำเนื้อปลาที่หั่นไว้ไปคลุกกับแป้งแล้วนำไปทอดให้เหลืองกรอบ จัดวางให้สวยงามบนก้างปลาทั้งตัว ขั้นตอนต่อมาคือปรุงน้ำยำรสเด็ด โดยใช้น้ำตาลปี๊บ,น้ำมะนาว และน้ำปลา คนให้เข้ากัน จากนั้นนำสมุนไพร ทั้งขิง, หอมแดง, มะนาวหั่นเต๋า, พริกขี้หนูซอย และกุ้งแห้ง ลงไปผสมให้เข้ากัน แล้วจึงราดบนตัวปลา แต่งหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ กินของอร่อยต้องกินตอนร้อนๆ น้ำยำรสชาติจัดจ้านทานกับเนื้อปลาชิ้นใหญ่กรอบนอกนุ่มใน แถมก้างปลาเคี้ยวกรอบอร่อยเพลินทุกคำ สมกับเป็นไฮไลต์จานเด่นของร้านจริงๆ

“ลูกค้าที่นี่ติดใจผัดไทย ใครมาก็ต้องสั่ง” เจ๊จุ๋มพูดเสร็จ ยกจานผัดไทยเส้นเหนียวนุ่มผัดกับกุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่มาให้ชิม อร่อยสมคำร่ำลือครับ

เครื่องกำลังติด เจ๊จุ๋มไม่รอช้า พาเหรด “ยำชะคราม” มาให้ชิมเป็นจานต่อไป รสชาติยำชะครามของที่นี่แตกต่างจากร้านอื่น ตรงที่รสชาติออกเปรี้ยวหวาน ใส่น้ำพริกเผาเพิ่มความมันเงา ทานกับกุ้งแชบ๊วยเนื้อเด้ง แต่งหน้าด้วยหอมเจียวกรอบๆ ราดหัวกะทิใบชะครามชุ่มฉ่ำเคี้ยวแต่ละคำอร่อยถึงใจ ร้านเจ๊จุ๋มยังมีทีเด็ดที่ปูม้าสดๆจากทะเล ขนาด 5 ตัว ต่อ 1 กิโลกรัม แบ่งทำได้ทั้งปูนึ่งและปูผัดผงกะหรี่

...

เจ๊จุ๋มเล่าที่มากว่าจะมีวันนี้ว่า “แรกเริ่มเจ๊ขายอาหารตามสั่งกับก๋วยเตี๋ยวหมู ตั้งอยู่ริมคลองที่บ้าน ทำมาประมาณ 20 ปี เห็นว่าย่านนี้มีร้านอาหารซีฟู้ดขายเยอะมาก กระทั่งปี 2560 เลยปรับเปลี่ยนมาขายซีฟู้ด จากร้านเพิงสังกะสีเก่าๆรื้อทำระเบียงร้านใหม่ให้ดูน่านั่ง ในเมื่อร้านเจ๊อยู่ติดกับท่าเรือ เวลาใครเอาปลาเอาปูมาส่ง เจ๊ก็ซื้อจากชาวประมงได้โดยตรง จึงมีของสดๆให้กินทุกวัน ส่วนหอยแครง, กุ้งแชบ๊วย, กุ้งขาว รับซื้อจากชาวบ้านละแวกนี้ ที่ทำวังกุ้ง หรือบ่อเลี้ยงกุ้ง เป็นการเกื้อกูลกันและกันของชาวบ้านในชุมชน ขณะที่ใบชะครามจะหากินได้เฉพาะ หน้าฝน นำมาทำอาหารได้หลากหลาย ทั้งยำ, แกงส้ม และชุบไข่กินกับน้ำพริก”

สนนราคา ยำชะคราม 150 บาท, ผัดไทยกุ้งสด 150 บาท, ปูม้ากิโลกรัมละ 600 บาท สามารถแบ่งไปทำผัดผงกะหรี่และปูนึ่งได้ ส่วนปลากะพงเกยตื้น 380 บาท นอกจากนี้ยังมีอาหารอร่อยอีกหลากเมนู เช่น ปูม้าดองทรงเครื่อง 200 บาท, ลาบหอยหลอด 150 บาท, ส้มตำทะเล 120 บาท, หอยตลับ ผัดฉ่า 150 บาท, หอยหลอดทอดกระเทียม 200 บาท, กุ้งซอสมะขาม 200 บาท, ปลากะพงแป๊ะซะ 380 บาท, ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ 250 บาท ร้าน “ครัวท่าเรือ เจ๊จุ๋มซีฟู้ด” เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 -21.00 น. โทร.08-9551-5195 และ 09-5424-7892 หรือติดตามเมนูใหม่ๆได้ทางเฟซบุ๊ก “ร้านอาหาร ครัวท่าเรือ เจ๊จุ๋ม ซีฟู้ด”.

คุณชายแป๊ะ