วันนี้หลายคนคงรู้จักกรดไขมันทรานส์ (Trans Fatty Acids) กระทรวงสาธารณสุขไทยได้ออกประกาศฯเลขที่ 388 พ.ศ.2561 เรื่องกำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย
โดยกำหนดให้ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน และอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน เป็นส่วนประกอบเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2561 ที่ผ่านมาโดยมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับตั้งแต่วันประกาศ
นั่นหมายถึงว่าต้นปี 2562 ต้องไม่พบอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเป็นส่วนประกอบขายอยู่ในท้องตลาด เช่น ครีมเทียม เนยเทียม หรือมาร์การีน เนยขาว ขนมอบ ขนมทอด พาย พัฟ เวเฟอร์ และเบเกอรีนานาชนิด เพราะอาหารเหล่านี้
กรดไขมันทรานส์ที่เกิดจากกระบวนการทางอุตสาหกรรม คือการเติมสารไฮโดรเจนลงไปในกระบวนการผลิตน้ำมัน ซึ่งเป็นตัวอันตรายแฝงอยู่
เมื่อเราทานอาหารที่มีกรดไขมันทรานส์เข้าสู่ร่างกายจะทำให้ระดับคอเลสเทอรอลรวม และ LDL หรือคอเลสเทอรอลตัวไม่ดีเพิ่มขึ้น ที่สำคัญยังส่งผลให้ HLD หรือคอเลสเทอรอลตัวดีลดลง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดถึง 23%
ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา “มันมากับอาหาร” เคยสุ่มเก็บตัวอย่างอาหารจากท้องตลาด ได้แก่ ปาท่องโก๋ ขนมโดนัท คุกกี้ และกาแฟปรุงสำเร็จรูปชนิดผง 3 in 1 เพื่อนำมาวิเคราะห์หาปริมาณกรดไขมันทรานส์
ผลวิเคราะห์พบว่ามีกรดไขมันทรานส์ในปริมาณมากน้อยต่างกัน ดังตารางด้านล่าง มีข้อแนะนำว่าไม่ควรทานอาหารที่มีกรดไขมันทรานส์
เกิน 0.5 กรัมต่อหน่วยบริโภค ขอแนะว่าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง โดยเฉพาะโดนัท ก่อนซื้อให้ดูที่ฉลากอาหารว่าอาหารนั้นมีส่วนประกอบของน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนหรือไม่
ถ้ามีก็ไม่ควรเลือกซื้อ หรือเลือกซื้ออาหารที่ในฉลากระบุว่ามีปริมาณไขมันทรานส์เป็น 0 กรัม เพื่อความปลอดภัยของหัวใจเรา.
...

ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัย