แฟนละครยังอารมณ์ค้าง รอวันความแซ่บของละคร “กระเช้าสีดา” ช่องวัน 31 กลับมาออกอากาศอีกครั้ง หลังสร้างปรากฏการณ์ความฮอตทั้งเรื่องราวเข้มข้นและตัวละครตีบทแตก ไม่ว่าจะเป็น นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี รับบท น้ำพิงค์, ก๊อต-จิรายุ ตันตระกูล รับบท อำพน, ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล รับบท ลือ และสาว กรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล รับบท รำนำ หลังจำเป็นต้องยุติการออกอากาศ เพราะถ่ายทำไม่ได้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

นอกจากแฟนๆที่ลุ้นสุดๆตัวนักแสดงเองอย่างกรีนก็ลุ้นไม่แพ้กัน เผยความรู้สึกว่า?

“ลุ้นค่ะ นักแสดงเองก็อยากรู้เรื่องราวที่ถูกปรับเปลี่ยนมาจะเป็นยังไง มันเป็นความโชคร้ายในความโชคดี ละครเราทำให้คนหลายๆคนกำลังอินแล้วตัดอารมณ์ไป แต่มีเหตุและผลเนื่องจากมาตรการโควิด กรีนเหลือถ่าย 3 คิว 3 วันเท่านั้น มีติ่งหนึ่งซีนที่ติดตอน 13-15 ตอนที่เราออกอากาศมันใกล้แล้ว มันเป็นเหตุการณ์สำคัญ เป็นเหตุผลผู้ใหญ่ยุติการออกอากาศ แต่กระแสดี ผู้ใหญ่เลยให้เพิ่มตอน 1 ตอนให้เรื่องเข้มข้น แซ่บขึ้น เป็นข้อดีของคนดู หนึ่งคนดูจะได้ความเข้มข้นของละครมากขึ้น สองคนที่ยังไม่มีโอกาสได้ดู ก็กลับไปดูย้อนหลังที่อ้ายฉีอี้ได้ค่ะ”

...

มีคนมาขอสปอยล์มั้ยว่าตอนจบเป็นยังไงบ้าง?

“มีค่ะ เราคุยซูมด้วยกัน มีพี่ฉอด พี่เอส บอกว่ามีคนให้สปอยล์ แต่ไม่อยากให้สปอยล์ อยากให้ติดตามสดๆสนุกกว่า”

มีเรื่องพลิกอีกมั้ย?

“เอาจริงๆนะกรีนก็ไม่รู้ (หัวเราะ) ทุกอย่างอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยน กรีนไม่รู้ว่าจบแบบไหน”

กลัวมั้ยว่าถ้าทิ้งไปนานอารมณ์จะต่อไม่ติด?

“ทุกคนก็พูดนะ กรีนก็กลัวเหมือนกัน แต่จริงๆคงไม่ค่ะ เราเล่นกันมาทุกคนมีประสบการณ์มีชั่วโมงบินที่สูง พอถึงวันกลับมาต้องมีการเตรียมตัว มีบทของเรา เราเล่นขนาดไหน เราสามารถรักษาสมดุลได้ขนาดไหน เรามีแกนของแล้ว”

ตอนนี้คือเหลือสามตอน?

“ในสามคิวไม่ถึงค่ะ ประมาณสองสามตอน มีความแซ่บ หลังจากนี้เข้มข้นมากกว่านี้มาก รำนำที่ผ่านมาแค่สเต็ปแรกของตัวเค้า ยังมีตัวละครที่ยังไม่ออกมาเต็มๆ อาตู่-นพพล มีโผล่นิดๆหน่อยๆ มาทะเลาะกับลูก หลังจากนี้รำนำจะเข้าไปพัวพันกับอาตู่ได้ยังไง แซ่บขึ้นมาอีกค่ะ ต้องรอติดตามค่ะ”

ถามถึงผลกระทบตอนนี้ที่มีมาตรการคุมเข้มโควิด-19 เป็นยังไงบ้าง?

“ตามที่รัฐบาลประกาศเลยค่ะ กองละครไม่ได้ออกไปถ่าย กรีนอยู่บ้านยาวๆเลย”

ถามถึงเรื่องปิดร้านขนมแพนเค้กที่เซ็นทรัลลาดพร้าว?

“ใช่ค่ะ ก็ปิดถาวรแล้วค่ะ คงไม่ทำแล้วค่ะ ปิดไปเลย ย้ายออกจากพื้นที่ คือเราตั้งใจจะปิดร้านมาสักพัก แต่เราพยายามประคับประคอง ลองดูๆเรารู้แล้วถ้าเรายังถือเอาไว้นานๆเป็นปีเราขาดทุนแน่นอน มันจะควักเนื้อจนถึงขั้นกินเลือดกินเนื้อตัวเอง เจ็บไปเยอะ เจ็บเรื่องของทุน แต่เรื่องของประสบการณ์ไม่เจ็บเลย เพราะเราได้เรียนรู้ ได้ทำงานจริงได้ลงพื้นที่จริง ก็ลงทุนไปคนนึงเกือบล้าน แต่ได้เรียนรู้การทำบัญชี การเซฟต้นทุน เราแก้ปัญหายังไง ทำให้เราโตขึ้น กรีนกับธันวากลายเป็นว่าเราไม่ได้มีปากเสียงกันเรื่องเงิน แต่เราจะมีปากเสียงกันว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้ยังไงดี ความคิดเห็นไม่ตรงกัน สุดท้ายเจอกันตรงกลางได้ เพราะเราอยากสร้างฝันด้วยกัน”

...

ธันวาเป็นฝ่ายรับฟังมั้ย?

“จริงๆก็ทั้งคู่ต่างฝ่ายรับฟังซึ่งกันและกัน ธันวายืนกรานเรื่องของเค้า กรีนไม่เห็นด้วย แต่สักพักพอเห็นการกระทำ เห็นผลลัพธ์เป็นอย่างที่เค้าพูดจริงๆ บางทีเราเองที่มองไม่ขาด เค้าจะเป็นตัวตั้งตัวตี กรีนเป็นคนตามมากกว่า”

โอกาสข้างหน้าที่จะคิดทำธุรกิจร่วมกันล่ะ?

“มีค่ะ จริงๆตอนนี้ก็มีการคุยกันไว้อยู่แล้ว ตอนยังไม่ปิดร้านก็มองธุรกิจอื่นๆ หาจังหวะและเก็บเงินด้วย อาจจะใช้เงินทันทีทั้งก้อนที่เราเก็บเอาไว้ไม่ได้ ก็มองหาธุรกิจที่เหมาะกับสถานการณ์โควิดด้วย ข้างหน้าจะเป็นอะไรอีก เราไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น”

แล้วธุรกิจของธันวาที่ลาวเป็นยังไงบ้าง ช่วงโควิดธุรกิจก็กระทบเหมือนกัน?

“ระลอกแรกที่ลาวก็โดน ยังปรับตัวไม่ทัน สนามบอล ร้านอาหารก็ต้องปิด พอสักพักอยู่ได้กับสถานการณ์ตรงนี้เหมือนกับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม เท่าที่เค้าเล่าให้กรีนฟังนะคือคนกลับมาสนใจสุขภาพเยอะขึ้น บอกว่าคนมาทุกวัน ขายได้ขายดีขึ้น แต่ตัวธันวาเองไม่สามารถกลับประเทศได้สองปีแล้วค่ะ ก็สงสารเค้า เพราะปกติอาทิตย์นึงจะขอแว้บกลับไป แต่เค้าก็คุยโทรศัพท์กับคุณพ่อคุณแม่ทุกวันเลยค่ะ”.

...