เป็นเรื่องแปลกที่ว่าไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติจริงของแบล็คเบียร์ด (Blackbeard) โจรสลัดตัวสำคัญที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเท่าใดนัก แต่คาดว่าสิ่งที่ทำให้เขาดัง (หลังจากตาย และปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์และเกมคอมพิวเตอร์) น่าจะมาจากภาพลักษณ์ที่เขานำเสนอตัวเองให้ดูน่ากลัว วันนี้คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลโดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูน จะพาแฟนานุแฟนไปรู้ลึกรู้จริงเรื่องของสลัดเคราดำผู้นี้กันครับ

พยานที่เคยเห็นตัวเขาเล่าว่า แบล็คเบียร์ดเป็นชายสูงใหญ่ ไหล่กว้าง สวมรองเท้าบูตยาวถึงเข่า ใส่เสื้อผ้าสีเข้ม สวมหมวกทรงกว้าง และบางครั้งก็เป็นเสื้อคลุมยาวที่ทำจากผ้าไหม หรือกำมะหยี่สีสดใส แบล็ค–เบียร์ดพกอาวุธอยู่ตลอดเวลา เขาจะมีเข็มขัดคาดปืนสั้นบรรจุดินปืนเรียบร้อยแล้วขึ้นนกไว้ถึง 3 กระบอก แถมด้วยมีดสั้นและดาบสั้นอีก 2

แต่ที่เด่นที่สุดคือเขาไว้เคราดำดกหนาและยาว เครานั้นถักเป็นเปียและผูกไว้ด้วยริบบิ้น กระนั้นสิ่งที่ดูจะทำให้เป็นแบล็คเบียร์ดมากที่สุดเห็นจะเป็นการที่เขาชอบเอาไส้ชนวนปืนใหญ่จุ่มน้ำปูนแล้วจุดไฟเสียบไว้ใต้ขอบหมวก (บางคนว่าเสียบไว้ที่เคราของเขาด้วยซ้ำ) ควันซึ่งลอยอ้อยอิ่งจากไส้ชนวนจะลอยวนขึ้นรอบหัว มองแล้วเหมือนเห็นมารยังไงยังงั้น

แบล็คเบียร์ดจุดควันไว้ใต้หมวก.
แบล็คเบียร์ดจุดควันไว้ใต้หมวก.

...

แต่การทำตัวเด่นราวกับปีศาจเพื่อให้เห็นแตกต่างจากคนอื่นๆ กลับไม่ได้ลบความจริงตามคำเล่าจากบันทึกทั้งหลายว่า ที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่มีความสุขุม อดทนเป็นเยี่ยมกับคนที่ยอม และทนไม่ได้กับคนที่ไม่ยอมลงให้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีบันทึกถึงการฆ่าคนที่เขาปล้นเลย

ไม่มีใครรู้เรื่องราวชีวิตในวัยต้นของแบล็คเบียร์ดนัก แต่ว่ากันว่า ชื่อเดิมของเขาคือเอ็ดเวิร์ด ทีช (Edward Teach) เกิดที่บริสตอล ในอังกฤษ เมื่อราว ค.ศ.1680 ทีชน่าจะได้เริ่มชีวิตเช่นเดียวกับหนุ่มในสมัยนั้นด้วยการเริ่มต้นเป็นกะลาสีบนเรือไพรเวเตียร์ในช่วงสงครามควีนแอนน์ แต่หลังถูกลอยแพเมื่อเสร็จสงคราม เขาก็เดินทางไปถึงนิวโพรวิเดนซ์ในบาฮามาเมื่อปี 1716 ซึ่งเป็นสถานที่ที่ห่างจากมือกฎหมาย เข้าร่วมกับกองกำลัง (โจร) ของเบนจามิน ฮอร์นิโกลด์ และระหว่างที่ฝึกงาน (โจร) นั้นก็ได้พบและร่วมงานกับสตีด บอนเน็ต สลัดเลื่องชื่ออีกคนหนึ่ง เกิดการรวมกำลังทำให้กองเรือสลัดใหญ่ขึ้น ตระเวนออกปล้นไปทั่ว แต่ต่อมา ความที่ฮอร์นิโกลด์เป็นอดีตไพรเวเตียร์ (โจรสลัดที่ขึ้นกับรัฐ เน้นปล้นแต่เรือของชาติที่เป็นศัตรู) ทำให้เขาเลือกโจมตีเพียงศัตรูเก่าของตน เป็นเรื่องที่ลูกเรือไม่พอใจ ฮอร์นิโกลด์จึงจบปัญหาด้วยการแยกจากไปพร้อมเรือของตน เขาหันไปขอรับการอภัยโทษ

โจรสลัดบุก.
โจรสลัดบุก.

ทีชยังมั่นคงในอาชีพโจร ตอนนี้เขาเป็นผู้บัญชาการกองเรือสลัด ทีชได้เรือที่กลายเป็นพาหนะคู่ใจในคราวหนึ่งที่ขึ้นปล้นเรือค้าทาสฝรั่งเศสชื่อ “คองคอร์ด” แล้วยึดเรือเป็นของตนตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “ควีนแอนด์รีเวนช์” เติมปืนเข้าไป 40 กระบอก การได้เรือที่มีสมรรถนะดี ทำให้เขายิ่งฮึกเหิมตระเวนปล้นมากขึ้นจนชื่อเสียงเริ่มกระหึ่ม ทางการอังกฤษเริ่มเพ่งเล็งตามล่าแต่เขาก็ยังเล็ดรอด เวลานี้มีสลัดเข้าร่วมกับทีชอีก และน่าจะมีการเรียกชื่อด้วยฉายาแล้วว่า “ไอ้เคราดำ” หรือภาษาฝรั่งเรียกว่าแบล็คเบียร์ด

พฤษภาคม 1718 แบล็คเบียร์ดน่าจะอยู่ในจุดสูงที่สุดของอาชีพ เขาทำการปล้นครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าแปลกใจมาก คือนำกองเรือปิดล้อมท่าเรือชาร์ลส์ ทาวน์ ในแคโรไลนาใต้ จับคนดังจากเรือที่กำลังจะเดินทางออกไป แล้วเรียกค่าไถ่เป็นยา ชาวเมืองก็ยินยอมยื่นหีบยาให้ เมื่อค่าไถ่ครบ ทีชก็ปล่อยเรือและนักโทษ

แต่วิกฤติที่โจรสลัดสามารถปิดล้อมอ่าวหน้าเมืองได้แม้จะแลกเป็นยา ก็ทำให้ทางการต้องเร่งล่าล้างโจรสลัดในหมู่เกาะอินเดียตะวันตกเพื่อความมั่นคงในการปกครอง เช่นเดียวกับแบล็คเบียร์ดก็รู้ว่า ความปลอดภัยของตนเริ่มสั่นคลอน ว่ากันว่า แบล็คเบียร์ดเคยพยายามหยุดเป็นโจรด้วยการแต่งงานกับสาวชาวไร่หนหนึ่งเหมือนกัน

หัวของจอมสลัดถูกแขวนไว้ที่หัวเรือ.
หัวของจอมสลัดถูกแขวนไว้ที่หัวเรือ.

...

แต่ความเป็นโจรที่สิงอยู่ในสายเลือด ทำให้เขาอยู่นิ่งกับที่ไม่ได้นาน ในที่สุดก็กลับเป็นโจรสลัดอีก คราวนี้ทางการออกหมายจับ แต่เวลานั้นเขาแยกทางกับสตีด บอนเน็ต และได้พบผู้ร่วมทางใหม่นามว่า ชาร์ลส เวน ที่ปากน้ำโอคราโคก (Ocracoke) ว่ากันว่าเคราดำและเวนใช้เวลาหลายคืนที่ปลายสุดทางใต้ของเกาะโอคราโคกพร้อมด้วยโจรดังๆ อย่างเช่น อิสราเอล แฮนด์, โรเบิร์ต ดีล และคาลิโก แจ๊ค

ข่าวการรวมตัวของไอ้เคราดำและเวนทำให้ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย อเล็กซานเดอร์ สปอร์ตวู้ด กังวล เขาจำเป็นต้องสั่งจัดการ สปอร์ตวู้ดรู้ว่าวิลเลียม ฮาวเวิร์ด อดีตสรั่งเรือของเรือควีนแอนด์รีเวนช์อยู่ในพื้นที่ และเชื่อว่าเขาอาจจะรู้ที่อยู่ของทีช สปอร์ตวู้ดไม่มีอำนาจทางกฎหมายในการตัดสินคดีโจรสลัด และด้วยเหตุนี้จึงหาทางขุดความผิดเก่าขึ้นฟ้องจนฮาวเวิร์ดต้องโทษถูกแขวนคอ แต่ต่อมาก็ได้รับการยกโทษ จะด้วยเหตุนี้หรือไม่ ฮาวเวิร์ดจึงเปิดปากถึงที่อยู่ของเคราดำ

ในที่สุดสปอร์ตวู้ดได้รับข้อมูลที่อยู่ของเป้าหมาย จึงวางแผนจะส่งกองกำลังข้ามชายแดนไปยังแคโรไลนาเหนือ เพื่อจับกุมจอมสลัดเคราดำ งานนี้เขาสั่งให้กัปตันกอร์ดอนของเรือหลวงเพิร์ลและกัปตันแบรนด์ของเรือหลวงไลม์ เดินทางทางบกไปเมืองบาธ และสั่งร้อยโทโรเบิร์ต เมย์นาร์ด จากเรือหลวงเพิร์ลให้คุมเรือสลุป (Sloop) สองลำเดินทางไปบาธทางทะเล

การปะทะของเมย์นาร์ดและแบล็คเบียร์ด.
การปะทะของเมย์นาร์ดและแบล็คเบียร์ด.

...

เมย์นาร์ดคุมกองกำลังเรือสลุปติดอาวุธสองลำในวันที่ 17 พฤศจิกายน พร้อมลูกน้อง 57 คนล่องไปตามแม่น้ำเจมส์อย่างช้าๆ ส่งสายไปสืบว่าแบล็คเบียร์ดอยู่ที่ใด ในที่สุดได้ข่าวจากกัปตันแบรนด์ซึ่งไปถึงทีหลังว่า ให้ไปยังปากน้ำโอคราโคก เผื่อจะพบตัวเคราดำ ปรากฏว่าเมย์นาร์ดพบพวกโจรสลัดทอดสมอที่ด้านในของเกาะโอคราโคกจริง ในตอนเย็นของวันที่ 21 พฤศจิกายน จึงยั้งเรือรอโจมตี

รุ่งสาง เมย์นาร์ดส่งเรือนำลำเล็กๆล่องขึ้นหน้า ให้ทำเสียงดังล่อ ส่วนเรือสลุปสองลำของเมย์นาร์ดก็แล่นตามอย่างเงียบเชียบ เรือโจรเห็นเรือเล็กก็ยิงทันทีที่อยู่ในระยะของปืน แบล็คเบียร์ดสั่งกางใบจะหนี แต่เรือสลุปของเมย์นาร์ดปรากฏขวางลำ แบล็คเบียร์ดไม่อาจทำอย่างอื่นนอกจากสั่งยิงระดม ในชั่วพริบตานั้นด้านข้างเรือสลุปของเมย์นาร์ดพัง คนบนเรือตายเกลื่อนประมาณ 20 คน แต่เรือของทางการก็ตอบโต้ด้วยการยิงจนเรือแอดเวนเจอร์ของแบล็คเบียร์ดสูญเสียการควบคุมจนแล่นขึ้นบนสันทราย ตอนนี้ต่างฝ่ายพยายามกู้หายนะ ใครก็ตามที่สามารถลอยเรือได้ก่อนก็มีสิทธิ์ชนะ

ระหว่างนั้นเมย์นาร์ดสั่งคนของเขาซ่อนตัวอยู่ใต้ดาดฟ้าเรือ เตรียมสู้ระยะประชิด ส่วนทีชมองช่องว่างทางหนีระหว่างเรือที่ปิดลง เมื่อเรือของเมย์นาร์ดหันเข้ามาอีกครั้งก็สั่งคนเตรียมพร้อม และแล้วเรือทั้งสองลำเข้าเกยกัน ตะขอของเรือโจร “แอดเวนเจอร์” แกว่งเข้าเป้า ระเบิดหลายลูกจุดชนวนด้วยฟิวส์ ระเบิดดาดฟ้าเรือสลุปของทางการทะลุ ทางชนะเห็นๆ ดังนั้น เมื่อควันจาง เคราดำก็นำคนของเขาขึ้นไปเผด็จศึกบนเรือ

แบล็คเบียร์ดสู้จนวาระสุดท้าย.
แบล็คเบียร์ดสู้จนวาระสุดท้าย.

...

ทว่าดาดฟ้าเรือของเมย์นาร์ดว่างเปล่า เหล่าโจรหันรีหันขวาง ตอนนั้นเอง คนของเมย์นาร์ดพรวดออกมาจากที่ซ่อน ร้องตะโกนข่มขวัญและระดมยิง แผนลวงของเมย์นาร์ดได้ผล เห็นได้ชัดว่าฝ่ายโจรสลัดผงะ และไม่อาจชิงช่วงได้เปรียบ แต่ไอ้เคราดำก็กัดฟันสู้ สั่งให้สมุนรวมกันเป็นสองกลุ่ม ต่อสู้กันบนดาดฟ้า ซึ่งลื่นไปด้วยเลือดจากผู้ที่ถูกฆ่าหรือบาดเจ็บจากการโจมตีข้างเรือ เมย์นาร์ดและทีชยิงปืนคาบศิลาใส่กันเมื่อสิ้นกระสุนแล้วก็โยนทิ้ง ทีชดึงดาบของเขาออกมาฟันดาบของเมย์นาร์ดหัก

ทว่าแทนที่ฝ่ายโจรจะจัดการศัตรูได้ พวกสลัดกลับถูกยันกลับไปที่หัวเรือ ลูกเรือของทางการล้อมกรอบเมย์นาร์ดและทีช ซึ่งตอนนั้นโดดเดี่ยวเสียแล้ว เมย์นาร์ดคว้าปืนขึ้นยิงโดนแบล็คเบียร์ดที่ไหล่ ลูกเรือฝ่ายทางการซึ่งเห็นว่าวิถีลูกผู้ชายไม่ทันใจ จึงมีทหารคนหนึ่งของเมย์นาร์ดชักมีดปรี่เข้าเชือดสลัดเคราดำเข้าที่คอเป็นแผลฉกรรจ์ จากนั้นเขาก็ถูกลูกเรือของเมย์นาร์ดอีกหลายคนรุมฆ่า โจรสลัดที่เหลือจำต้องยอมแพ้ชนิดหมดทางสู้

แบล็คเบียร์ดถูกนำไปเป็นตัวละครทั้งภาพยนตร์และเกม.
แบล็คเบียร์ดถูกนำไปเป็นตัวละครทั้งภาพยนตร์และเกม.

แบล็คเบียร์ดจอมสลัดกลายเป็นศพ เมย์นาร์ดตรวจร่างกายของเขาเห็นรอยแผลถูกยิงทั้งหมด 5 แห่ง รอยมีดประมาณ 20 รอย เขาตัดหัวจอมสลัดแขวนไว้ที่หัวเรือสลุปราวกับเป็นถ้วยรางวัลก่อนที่จะแล่นใบกลับ ส่วนศพไร้หัวของสลัดเคราดำก็ถูกโยนลงปากน้ำให้ฝังร่างในทะเล ลูกเรือโจรสลัดที่รอดชีวิตจากการสู้รบได้รับโทษแขวนคอในเดือนมีนาคม 1719 เป็นอันจบสิ้นตำนานสลัดเคราดำ.

ทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน โดย : อัปสรศิลา